ไม่พบผลการค้นหา
เป็นเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น กับความสูญเสียของสุภาพบุรุษสีกากี ต้องสิ้นชีวิต กลางถนน ด้วยถูกรถยนต์ไล่บดขยี้ โดยเฉพาะลูกคนรวย ที่ชน แล้วหนี

เป็นเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น กับความสูญเสียของสุภาพบุรุษสีกากี ต้องสิ้นชีวิต กลางถนน ด้วยถูกรถยนต์ไล่บดขยี้ โดยเฉพาะลูกคนรวย ที่ชน แล้วหนี

 

 
โฉมหน้านายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส วัย 27 ปี บุตรชายคนสุดท้องของนายเฉลิม และนางดารนี อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดงเครื่องดื่มชูกำลัง  กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด และประธานบริษัท "เรด บูล คอมปานี ลิมิเต็ด กรุงลอนดอน" ซึ่งนายวรยุทธ ตกเป็นผู้ต้องหาขับรถโดยประมาทเชี่ยวชนจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และไม่ให้ความช่วยเหลือแก่เหยื่อ ตามประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติจราจรทางบก หลังขับรถเฟอร์รารี่ รุ่น FF 2012 สีบอร์นเทาออกดำ ทะเบียน ญญ 1111 ราคาเกือบ 32 ล้านบาท พุ่งชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานสายตรวจ สถานีตำรวจนครบาล เสียชีวิต ขณะตระเวนตรวจพื้นที่รับผิดชอบ  เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ โดยพุ่งชนตั้งแต่ปากซอยสุขุม 47 แล้วลากร่างดาบตำรวจวิเชียรพร้อมจักรยานยนต์สายตรวจคู่กายยาวมาจนถึงปากซอยสุขุมวิท 49 ก่อนซิ่งรถหลบหนีเข้าบ้านเลขที่ 9 ภายในซอยสุขุมวิท 53
 
ผลจากการชนกระแทกระหว่างม้าลำพอง เฟอร์รารี่โฟร์ กับจักรยานยนต์สายตรวจของดาบตำรวจวิเชียร  ทำให้เกิดรอยคราบน้ำมันเป็นทางยาวจากที่เกิดเหตุ คือซอยสุขุมวิทยา 47 จนถึงคฤหาสเนื้อที่กว่า 3 ไร่ภายในซอยสุขุมวิท 53 เป็นหลักฐานที่ทำให้ชุดสืบสวนและร้อยเวรสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อตามจนเจอ  แต่เรื่องไม่ง่าย เมื่อเป็นคฤหาสของนักธุรกิจชื่อดังติดอันดับความร่ำรวยทั้งของไทยและนิตยสารฟอร์บ จนพลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ต้องลงพื้นที่บัญชาการควานหาตัวผู้ต้องหาตังจริงมาดำเนินคดี
 
ผ่านไปไม่นาน พันตำรวจโทปัณญ์ณภณ นามเมือง สารวัตรป้องกันและปราบปราม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของดาบตำรวจวิเชียร นำตัวนายสุเวศ หอมอุบล  วัย 47 ปี ซึ่งเป็นพ่อบ้านของนายเฉลิม ออกมามอบตัวอ้างว่าเป็นผู้ขับรถคันก่อเหตุ  แต่ความแตกเมื่อคำให้การสวนทางกับข้อเท็จจริง จนพนักงานสอบสวนต้องนำหมายค้นและหมายจับจากศาลอาญา เพื่อเข้าจับกุมผู้ต้องหาตัวจริง แต่นายวรยุทธ พร้อมทนายความ ชิงออกมามอบตัวก่อน พร้อมรถยนต์ของกลาง  
 
กลายเป็นข้อกังขาของนายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ พี่ชายดาบตำรวจวิเชียร บรรดาญาติที่เกรงว่าซ้ำรอยบรรดาคดีลูกคนมีชื่อเสียงและมีหน้าตาในสังคม ที่ชนแล้วรอด แม้กระทั่งสารวัตรป้องกันและปราบปราม ดีกรีนิติศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นายตำรวจที่มีอำนาจบังคับบัญชาดาบตำรวจโดยตรงยังพาแพะเข้ามอบตัว
 
ย้อนไปเมื่อปี 2550 ที่กลายเป็นข่าวดัง เมื่อนายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือ หมูแฮม ขณะนั้นวัย  21 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายนายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ และนางสาวิณี ปะการะนัง อดีตนางสาวไทยปี 2527  ขับรถเบนซ์พุ่งชนคนบนฟุตบาทเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย ที่บริเวณหน้าแยกอารีย์ ถนนสุขุมวิท 26 ขาออก แขวงคลองเตย เขตวัฒนา หลังพุ่งชนรถโดยสารประจำทางปรับอากาศร่วมบริการสาย 513 สีฟ้าขาว เหตุเกิดในท้องที่รับผิดชอบของสน.ทองหล่อ
 
เหตุการณ์นี้ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารย์อย่างหนักเมื่อนายกัณฑ์เอนก นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง บิดาหมูแฮม ออกมาตำหนิกระเป๋ารถเมล์คู่กรณีว่าคนชั้นล่างไร้การศึกษาผ่านรายการทีวี  พร้อมระบุว่าลูกชายมีอาการทางจิต
 
แต่สุดท้ายศาลจังหวัดพระโขนงพิพากษา โทษจำคุก 10 ปี 1 เดือน และให้ชดใช้ค่าเงินแก่เหยื่อรายละกว่า 3 ล้านบาท ในข้อหาเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยพยายามฆ่า และฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น
 
 และคดีลูกหลานตระกูลดังกลายเป็นข่าวดังอีกครั้งเมื่อ นางสาวแพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ในวัย 17 ปี ขณะเกิดเหตุ ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิค พุ่งชนรถตู้โดยสารบนทางด่วนโทลล์เวย์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 27 ธันวาคม 2553 จนเป็นเหตุให้ผู้มีเสียชีวิตถึง 9 รายและบาดเจ็บอีกหลายราย  คดีนี้กลายเป็นข่าวดังและได้รับความสนใจจากสังคมโดยเฉพาะสังคมออนไลน์ เนื่องจากหลังเกิดเหตุ ไร้คำขอโทษและการดูแลด้านคุณธรรมแก่เหยื่อ จากครอบครัวจำเลย นำซ้ำขณะเกิดเหตุยังมีภาพและข้อความของจำเลยในลักษณะไร้สามัญสึกถึงเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนถึง 9 ราย ผ่านสังคมออนไลน์
 
คดีนี้ต่อเนื่องยาวนานเกือบ 2 ปี แม้จะไม่มีคำขอโทษสำนึกผิด จนในที่สุดศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีคำพิพากษา ให้จำคุก จำเลย ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเวลา 3 ปี แต่นำสืบเป็นประโยชน์ ลดโทษให้ 1 ใน 3 จึงเหลือจำคุก 2 ปี และให้รอลงอาญา 3 ปี พร้อมสั่งห้ามขับรถจนกว่าจะอายุถึง 25 ปีบริบูรณ์ รวมทั้งสั่งควบคุมความประพฤติโดยบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่ผู้ป่วยประกันสังคม 48 ชั่วโมงในระยะเวลา 2 ปี 
 
นับเป็น 3 คดีบนท้องถนนที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ที่เป็นผลมาจากคันเร่งของเหล่าบรรดาลูกชนชั้นนำของเมืองไทย ที่สุดท้ายแล้วล้วนรอดจากโทษจำคุก
 
 
Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog