ด้วยการแข่งขันของธุรกิจที่รุนแรงขึ้น การทำอะไรแบบเดิมๆ แล้วรอลูกค้าเข้ามาหาเท่านั้น จึงไม่ใช่สิ่งที่อดีตพนักงานบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งต้องการทำ หลังลาออกจากงานประจำ เพื่อเข้ามารับช่วงดูแลกิจการโรงรับจำนำของครอบครัวต่อจากรุ่นพ่อแม่ ซึ่งเปิดให้บริการย่านปิ่นเกล้ามานานกว่า 40 ปี
โรงรับจำนำปิ่นเกล้าคู่ขนานลอยฟ้า ที่ตั้งอยู่หน้าปากซอยบรมราชชนนี 13 ใกล้เซ็นทรัลฯ ปิ่นเกล้า กำลังถูกกล่าวถึงอย่างมาก หลังจากเปลี่ยนรูปโฉมโรงรับจำนำหน้าตาคร่ำครึ มาเป็น Lifestyle Pawn Shop รูปลักษณ์ทันสมัย เปิดให้บริการในรูปโฉมใหม่มาได้ 4 เดือนกว่า และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "โรงรับจำนำมันนี่ คาเฟ่ ปิ่นคู่"
โดยมี "ชูศักดิ์ ตั้งเลิศสัมพันธ์" ร่วมกับน้องสาว "วาสินี ตั้งเลิศสัมพันธ์" ทายาทรุ่นที่ 3 เข้ามาดูแลกิจการ และทั้งคู่มีแนวคิดต้องการสร้างแบรนด์ สร้างความแตกต่างสำหรับธุรกิจครอบครัว ที่เปิดดำเนินการมานานกว่า 40 ปี
การกล้าจะแตกต่าง จึงเป็นที่มาของรูปลักษณ์ใหม่โรงรับจำนำกับร้านจำหน่ายทรัพย์หลุดจำนำ รวมถึงการบริการของพนักงาน ซึ่งที่โรงรับจำนำจะมีพนักงานยืนต้อนรับตั้งแต่ประตูทางเข้า พร้อมคำแนะนำบริการต่างๆ ให้กับลูกค้า เมื่อหลงจู้ตีราคาทรัพย์ พนักงานมอบเงินสดให้เรียบร้อยแล้ว ลูกค้ายังจะได้รับของสมนาคุณ อาทิ กระเป๋าผ้า แก้วน้ำ กาแฟ ปากกา ติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย
เป็นอีกบรรยากาศ การเข้าไปใช้บริการโรงรับจำนำที่แปลกหูแปลกตาไปมากทีเดียว ยิ่งช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมใหญ่ ลูกค้ายิ่งหนาตา และเข้ามาใช้บริการในช่วงเย็นหลังเลิกงาน กันแน่นร้าน
นอกจากจัดการแปลงโฉมด้านหน้าโรงรับจำนำแบบเดิมแล้ว ล่าสุดเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยังเปิดให้บริการจำหน่ายทรัพย์สินใช้แล้วและของหลุดจำนำ ที่มีทั้งนาฬิกา เครื่องประดับ และกระเป๋าแบรนด์เนม ในร้าน "มันนี่ คาเฟ่ ช้อป ยูสด์ แอนด์ ไลฟ์สไตล์" คาเฟ่เล็กๆ พื้นที่กระทัดรัดในย่านสยามสแควร์ ซอย 3
ชูศักดิ์ ย้ำด้วยว่า หน้าที่หลักของโรงจำนำ คือแหล่งเงินทุนของผู้ต้องการเงินไว้ใช้จ่ายยามจำเป็น ขณะที่ดอกเบี้ยที่เก็บไว้ เป็นเพียงค่าดูแลทรัพย์สินชั่วคราวให้ ดังนั้น ในฐานะคนที่อยู่ในธุรกิจ ยืนยันว่า ไม่ว่าจะอย่างไร เขายังต้องการให้ลูกค้ามาไถ่ถอนทรัพย์สินกลับไปเสมอ เพราะของบางชิ้นมีคุณค่าทางจิตใจ และการทำธุรกิจนี้ก็เพื่อคลายทุกข์ สร้างสุขให้กับคนที่ผ่านเข้ามาใช้บริการ