การพัฒนาของจังหวัดขอนแก่น ที่กลายเป็นสมาร์ทซิตี้ต้นแบบของประเทศนั้น ขณะนี้มีอีก 1 จังหวัดกำลังก่อร่าง-สร้างเมืองให้เป็นแบบเดียวกัน แต่ในรายละเอียดมีความแตกต่างกัน
นับตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564 ประกาศใช้ ในยุทธศาตร์ที่ 7 ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เสนอให้ภาครัฐ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์
ผ่านระบบขนส่งสาธารณะในเขตเมือง โดยเสนอให้สร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และ ให้เริ่มพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเมืองหลักของภูมิภาค ที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของเมือง เช่น BRT หรือ LRT เช่นในขอนแก่น เชียงใหม่ สงขลา หาดใหญ่ และภูเก็ต โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ร่วมดำเนินการระยะเวลา 6 ปี ตั้งแต่ปี 2559-2564
ภาคเอกชนในจังหวัดขอนแก่น ไม่รอช้า รีบเดินหน้าโครงการตามแผนทันที ต่อยอดจากการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเขตเมือง ที่ทำกันเองไว้ล่วงหน้าแล้ว
สาเหตุที่แผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเมืองของขอนแก่น มีภาพที่ชัดเจนกว่าจังหวัดอื่น เป็นเพราะขอนแก่นเริ่มพัฒนาระบบ "Feeder" ก่อน เปิดให้บริการซิตี้บัส10 คัน โดยไม่ยกเลิกระบบขนส่งสาธารณะเดิมอย่างรถสองแถว เพื่อสร้างความคุ้นเคยใหม่ และในปีนี้บริษัทขอนแก่นซิตี้บัส จะซื้อรถ City บัส พลังงานไฟฟ้าเพิ่มอีก 10 คัน
อีกอย่างที่จังหวัดขอนแก่นทำ เพื่อรอให้แผนการศึกษา LRT แล้วเสร็จ เดือนมีนาคมที่ผ่านมา (2560) กระทรวงมหาดไทยอนุมัติให้ 5 เทศบาลในจังหวัด จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ขอนแก่นทรานซิสเต็ม จำกัด หรือ KKTS ได้ ตาม พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496
เพื่อให้การก่อสร้างรถไฟรางเบาซึ่งพาดผ่าน 5 เทศบาลเมือง ทำได้โดยความเห็นของบริษัททันที ไม่ต้องทำเรื่องขออนุมัติจากทีละเทศบาล จนเป็นเหตุให้งานก่อสร้างรถไฟรางเบาเร็วขึ้น 1 ปี 5 เดือน
ส่วนแบบการก่อสร้าง LRT ขณะนี้อยู่ในช่วง Final Draft เมื่อส่ง สนข.อนุมัติและ ครม.รับทราบ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ปลายปีนี้ พร้อมเปิดให้บริการในอีก 2 ปี (2562)
ในขณะที่จังหวัด กำลังขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมด้วยตัวเอง โครงสร้างจากส่วนกลางก็กำลังดำเนินการคู่ขนาน ทั้งรถไฟทางคู่ ชุมทางจิระ - ขอนแก่น ที่เริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา และกำหนดแล้วเสร็จในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562
การพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่นที่อยู่ในเฟสที่ 2 ก็อยู่ระหว่างรออนุมัติแผนจากกระทรวงคมนาคม หากทุกอย่างผ่านฉลุย จะเริ่มก่อสร้างตามแผนทันทีในปี 2561 เมื่อแล้วเสร็จในปี 2563 จะรองรับผู้โดยสารได้ 5 ล้านคน จากเดิม 2 ล้านคน เท่ากับว่า ภายใน 3 ปีหลังจากนี้ ระบบคอมนาคมของขอนแก่นและจากส่วนกลางจะเปิดใช้งานในเวลาไล่เลี่ยกัน ถือเป็นการเปลี่ยนครั้งใหญ่ของเมืองอีกครั้ง
เมื่อมาดูอีกจังหวัด ซึ่งเป็นประตูสู่ภาคอีสานอย่างนครราชสีมา แม้ไม่ใช่เมืองหลักที่สภาพัฒน์ฯ เอ่ยถึง แต่ขณะนี้ได้เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ผ่านระบบขนส่งสาธารณะในเขตเมืองเช่นกัน
ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำ "ร่างแแผนแม่บทจราจรและแผนแม่บทพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเขตเมืองนครราชสีมา" ผ่านการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นมาแล้วหลายครั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างเลือกระบบแอลอาร์ที , เส้นทางที่ LRT จะพาดผ่าน, การแบ่งเฟสก่อสร้าง และค่าโดยสาร โดยอัตราเห็นชอบสูงถึง 85%
หากดูโครงสร้างพื้นฐานที่ส่วนกลางลงทุนในภูมิภาค นครราชสีมา มีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการพัฒนาในจังหวัดหลายด้าน และมากกว่าขอนแก่น เริ่มตั้งแต่การก่อสร้างรถไฟทางคู่ชุมทางจิระ - ขอนแก่น เส้นทางเดียวที่ผ่านจากโคราชไปขอนแก่น
การก่อสร้างทางด่วนมอเตอร์เวย์ บางปะอิน - นครราชสีมา ร่นระยะเวลาการทางไป-กลับ จากกรุงเทพ เหลือ 2 ชั่วโมง อยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะเปิดให้บริการในปี 2563
และหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รถไฟความเร็วสูงช่วงแรก จะเริ่มก่อสร้างสิงหาคมนี้ โดยระยะที่ 3 ของโครงการมีจุดหมายที่โคราช
จะเห็นได้ว่า การลงทุนและเป้าหมายจากส่วนกลางสู่ 2 จังหวัดมีความแตกต่าง นครราชสีมาถูกพัฒนาเพื่อสนับสนุนการเดินทาง ไป-กลับ จากกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ที่สะดวกสบายมากขึ้น ขณะที่ขอนแก่น ถูกพัฒนาเพื่อให้คนท้องถิ่นไม่ย้ายถิ่นฐานและใช้รถไฟรางเบามาสนับสนุนการเกิดเมืองและเศรษฐกิจใหม่ตามเส้นทางรถไฟ