นายมุนแจอิน นักการเมืองฝ่ายซ้ายจัด ก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้ เขาคนนี้เป็นผู้นำที่ไม่ต่างจากโดนัลด์ ทรัมป์ ในแง่ที่เป็นนักการเมืองที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางของประเทศอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
มุนแจอินไม่ใช่นักการเมืองหน้าใหม่อย่างเอ็มมานูเอล มาครง ว่าที่ผู้นำฝรั่งเศส หรือโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาอยู่ในวงการเมืองมานานหลายสิบปี เคยเป็นผู้นำนักศึกษาเดินขบวนต่อต้านนายพักจุงฮี อดีตประธานาธิบดี บิดาของนางสาวพักกึนเฮ เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1970 และเคยถูกจำคุกมาแล้วจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง ด้วยข้อหาเป็นพวกฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ เขาเคยพ่ายแพ้ให้กับนางสาวพักกึนเฮ อดีตประธานาธิบดี ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2012 ด้วยคะแนนที่ห่างกันเพียงร้อยละ 3.6 ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่การเลือกตั้งครั้งนี้ เขาจะชนะได้อย่างสบายๆ ท่ามกลางกระแสเกลียดชังนางสาวพักและพรรคแซนูรี
นายมุนลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคมินจู พรรคฝ่ายค้านตั้งแต่ปี 2016 แต่เขายังคงเป็นนักการเมืองที่ได้รับความเคารพอย่างสูงในหมู่พรรคฝ่ายค้าน และชาวเกาหลีใต้ฝ่ายซ้าย เขาเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ อันเป็นข้อกล่าวหาร้ายแรงสำหรับประเทศที่ยังอยู่ในภาวะสงครามกับประเทศคอมมิวนิสต์อย่างเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม นายมุนเป็นความหวังของประชาชนที่จะนำพาประเทศไปสู่ความเปลี่ยนแปลง หลังต้องอยู่ใต้การปกครองของพรรคอนุรักษ์นิยมมานาน
นายมุนมีนโยบายแตกต่างจากนางสาวพักอย่างสิ้นเชิง เขาไม่เห็นด้วยกับการที่เกาหลีใต้มีสายสัมพันธ์ทางทหารใกล้ชิดกับสหรัฐฯมากเกินไป จนทำให้เกิดความตึงเครียดกับเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่อง และยังมองว่าจีนเป็นผู้เล่นสำคัญที่จะทำให้เกาหลีเหนือและใต้กลับมารวมประเทศกันได้อีกครั้งในอนาคต นอกจากนี้นายมุนยังเป็นนักการเมืองที่ต่อสู้เพื่อให้รัฐเลิกใช้กฎหมายความมั่นคงเป็นข้ออ้างในการปราบปรามฝ่ายซ้ายในประเทศอีกด้วย ท่าทีล่าสุดของนายมุน ที่ออกมายืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐฯรีบเจรจาติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธทาดในเกาหลีใต้ โดยไม่สนใจเสียงของประชาชน บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าหากเขาได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีใต้จะเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยล่าสุด นายมุนยืนยันว่าเมื่อเขาได้เป็นรัฐบาล จะไม่จ่ายเงินค่าติดตั้งและบำรุงรักษาระบบทาดให้สหรัฐฯตามที่นายทรัมป์เรียกร้องอย่างแน่นอน
เกาหลีใต้ควรจะต้องเรียนรู้ที่จะพูดว่า "ไม่" กับสหรัฐฯได้แล้ว
มุนแจอิน ว่าที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้
จุดอ่อนสำคัญของนายมุนคือการถูกกล่าวหาว่าฝักใฝ่เกาหลีเหนือ และเคยเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในยุคของนายโรมูฮยุน อดีตประธานาธิบดีที่พัวพันการทุจริตคอรัปชั่นจนโดนถอดถอน และสุดท้ายฆ่าตัวตาย ซึ่งขัดแย้งกับจุดยืนของเขาที่หาเสียงว่าต้องการปราบปรามการคอรัปชั่นและขจัดอิทธิพลของระบบแชโบล