อดีตคอมมานโดทัพเรือสหรัฐผู้เปิดโปงยุทธการสังหารอุซามะห์ บินลาดิน ส่อเค้าถูกสอบสวน ขณะเตรียมออกหนังสือในโอกาสรำลึกเหตุโจมตี 11 กันยายน
เมื่อวันพฤหัสบดี โทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ ได้เปิดเผยชื่อจริงของผู้ใช้นามปากกา "มาร์ก โอเวน" ในการเขียนหนังสือ เรื่อง "No Easy Day : The Firsthand Account of the Mission That Killed Osama Bin Laden" โดยระบุว่า อดีตทหารเรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ซีล ทีม ซิกส์ ผู้นี้ มีชื่อว่า แมท บิสซันเน็ต อายุ 36 ปี ชาวเมืองแรนเกล มลรัฐอะแลสกา
รายการโทรทัศน์ "ทเวนตี้ มินิต" ของซีบีเอส เผยทางทวิตเตอร์ว่า ทางรายการได้สัมภาษณ์ผู้เขียนไว้แล้ว โดยจะนำออกเผยแพร่ในวันที่ 9 กันยายนนี้ ก่อนที่หนังสือจะวางจำหน่าย 2 วัน โดยเขาจะเปิดเผย "ข้อมูลปฐมภูมิ" ของนาทีเด็ดชีพหัวหน้าขบวนการอัลกออิดะห์
สำนักพิมพ์ดัตตัน บอกว่า ผู้เขียนเป็น "คนแรกๆที่บุกผ่านประตูบนชั้นสามของแหล่งกบดานของแกนนำก่อการร้าย และได้เห็นศพของเขา"
พันเอกทิม นาย โฆษกกองบัญชาการปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐ หรือโซคอม ซึ่งควบคุมหน่วยซีลที่ได้เข้าปฏิบัติภารกิจสังหารบินลาดินในปากีสถาน บอกในวันพฤหัสฯว่า โซคอมและหน่วยซีลยังไม่ได้ตรวจสอบหนังสือเล่มนี้ก่อนการเผยแพร่ ซึ่งมีกำหนดออกสู่ตลาดในวันที่ 11 กันยายนนี้
เขาบอกว่า คาดว่ากระทรวงกลาโหมจะตรวจสอบหนังสือดังกล่าวหลังวางตลาด ซึ่งยังไม่ทราบว่าหนังสือ "โน อีซีย์ เดย์" เล่มนี้จะมีข้อมูลที่รัฐบาลสหรัฐถือเป็นความลับหรือไม่
เมื่อวันพุธ โฆษกทำเนียบขาว, กระทรางกลาโหม และซีไอเอ ต่างออกมาแถลงว่า ไม่เคยทราบล่วงหน้าว่าจะมีการออกหนังสือเล่มนี้ ตามกฎหมายของซีไอเอและเพนตากอนนั้น เจ้าหน้าที่ทั้งในอดีตและปัจจุบันจะต้องส่งต้นฉบับให้ทางการพิจารณาก่อนตีพิมพ์ ว่าเป็���การเปิดเผยข้อมูลลับของทางราชการหรือไม่
มาร์ก ซาอิด ทนายความในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเคยว่าความในคดีฟ้องร้องเจ้าหน้าที่เปิดเผยความลับราชการหลายกรณี บอกว่า การตีพิมพ์เผยแพร่หนังสือโดยไม่ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบก่อน อาจทำให้ผู้เขียนถูกฟ้องร้องเป็นคดีอาญา และถูกลงโทษได้
"โอเวน" ได้เขียน "โน อีซีย์ เดย์" ร่วมกับผู้สื่อข่าวอเมริกัน เควิน มัวร์เรอร์ ทั้งนี้ บล็อก Sofrep.com ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับหน่วยรบพิเศษ ระบุว่า ผู้เขียนได้ค่าเขียนเป็นตัวเลข 7 หลัก และบรรดาสมาชิกของ SEAL Team 6 ซึ่งเป็นหน่วยหลักในการเข้าปฏิบัติการ ต่างรู้สึก "โกรธแค้นและถูกหักหลัง"
สำนักพิมพ์ดัตตัน บอกว่า ผู้เขียนมีแผนจะบริจาค "เงินส่วนใหญ่" จากค่าเขียนให้แก่องค์การการกุศลที่ทำงานช่วยเหลือครอบครัวของหน่วยซีลที่ได้เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่
