วอยซ์ทีวีตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซินแสโชกุน ถูกแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงมาแล้ว 6 คดี ถูกออกหมายจับแล้ว 3 ครั้ง และที่ผ่านมามีการเปลี่ยนชื่อ นามสกุลนับ 10 ครั้ง
บ้านเลขที่ 88/6 หมู่ที่ 9 ตำบลหนองยาว อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ คือที่ตั้งของบริษัทเวลท์เอเวอร์ จำกัด ที่นางสาวพสิษฐ์ อริญชญ์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน ที่ใช้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบผู้พักอาศัย 2 คนภายในบ้าน เป็นพ่อ - แม่ ของนางสาวทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ ที่ทั้งคู่ระบุว่า เป็น 1 ใน 4 หุ้นส่วนบริษัทนี้ พร้อมกับเปิดเผยว่าไม่ทราบมาก่อนลูกสาวนำบ้านเลขที่ไปจัดตั้งบริษัท และกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ลูกสาวไม่เคยกลับบ้านเลยสักครั้ง
จากการตรวจสอบของวอยซ์ทีวี เรายังพบที่ตั้งบริษัทเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม คือบริษัท อาลิเซียนฯ ซึ่งเป็นธุรกิจขายตรง และอาหารเสริมจากแคนาดา ตั้งอยู่ที่อโศกทาวเวอร์ จากการสอบถามพนักงานบริษัทข้างเคียง เขาเปิดเผยว่า วันนี้เพิ่งปิดทำการเป็นวันแรก ส่วนที่ผ่านมา มักเห็นอบรมธุรกิจขายตรง และมีพนักงานประจำ 2-3 คน
ที่ผ่านมา ซินแสโชกุน อ้างกับสมาชิกว่า เธอเป็นผู้บริหารธุรกิจขายตรงจากแคนาดาที่เปิดสาขาย่อยในประเทศไทย ส่วน Wealth Ever เป็นบริษัทเกี่ยวกับการลงทุน สำนักงานใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง และนำธุรกิจอาหารเสริมจากแคนาดาเข้าเป็นบริษัทในเครือ โดยชูสโลแกน " เที่ยวฟรี สุขภาพดี มีเงินใช้ "
ส่วนข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่าบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด มีหุ้นส่วน 4 คนคือนางสาวพสิษฐ์ นางสาวธัญวลัย น้ำแก้ว นางสาวภัสจนันท์ ฟองเฟื่องฟ้า และนางสาวทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ มีทุนจดทะเบียนบริษัท 2 ล้านบาท
ก่อนเกิดเหตุการณ์สมาชิกบริษัทถูกลอยแพ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในโลกออนไลน์ เริ่มมีการตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของบริษัทดังกล่าว จนซินแสโชกุน ต้องออกมาชี้แจงกับแม่ข่ายที่ดูแลสมาชิกกลุ่มต่าง ๆ ให้เชื่อมั่นว่าจะได้เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นในวันที่ 11 เมษายนนี้แน่นอน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซินแสโชกุน ถูกแจ้งความดำเนินคดี ระหว่าง ปี 2555-2559 มีการแจ้งความแล้ว 6 คดี เป็นคดีที่เกี่ยวกับทรัพย์ทั้งหมด คือ ปี 2555 คดีฉ้อโกงทรัพย์ พื้นที่ สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2 ปีต่อมา อีก 3 คดี เป็นความผิดเกี่ยวกับเช็ค พื้นที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี คดีฉ้อโกงทรัพย์ พื้นที่ สถานีตำรวจนครบาบาลปทุมวัน และ คดียักยอกทรัพย์ พื้นที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี
นอกจากนี้ ยังถูกแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงประชาชนอีกครั้ง เมื่อปี 2558 ที่กองบังคับการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. และปี 2559 คดีฉ้อโกงทรัพย์ ในพื้นที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา
จาก ทั้งหมด 6 คดี ที่ผ่านมา ศาลอนุมัติหมายจับแล้ว 3 ครั้ง คือ ปี 2555 ศาลแขวงสมุทรปราการ อนุมัติหมายจับคดีฉ้อโกงทรัพย์ ปี 2558 ศาลจังหวัดนนทบุรี อนุมัติหมายจับคดีฉ้อโกงประชาชน และปีถัดมา ศาลแขวงนครราชสีมา อนุมัติหมายจับคดีฉ้อโกงทรัพย์ โดยทุกคดีมีการถอนหมายจับทั้งหมดแล้ว เนื่องจากมีการจับกุม หรือดำเนินคดีได้ทั้งหมด
จากการตรวจสอบข้อมูลทะเบียบราษฎร์ พบว่าตั้งแต่ปี 2543 ซินแสโชกุน เปลี่ยนชื่อและนามสกุล รวม 10 ครั้ง จากชื่อเดิมว่า นางสาว สหชม นาคฤทธิ์ โดย 2 ครั้งแรก เปลี่ยนเฉพาะชื่อ ส่วนครั้งที่ 3 และ 4 คือ วันที่ 1 เมษายน 2551 เปลี่ยนทั้งชื่อ และนามสกุล จากนั้น 6 ปีต่อมา คือในปี 2557 ซินแสโชกุล เปลี่ยนชื่อและนามสกุลรวม 6 ครั้ง
ไทม์ไลน์การเปลี่ยนชื่อของนางสาว สหชม นาคฤทธิ์ เป็นดังนี้
-29 กันยายน 2543 เปลี่ยนชื่อ สหชม เป็น ทฤษนันท์
-15 กันยายน 2549 เปลี่ยนชื่อ ทฤษนันท์ เป็น ณวัชกรณ์
-1 เมษายน 2551 เปลี่ยนชื่อ ณวัชกรณ์ เป็น ศรัณย์พัชร์
-1 เมษายน 2551 เปลี่ยนนามสกุล นาคฤทธิ์ เป็น กิติขจรพัชร์
-16 พฤษภาคม 2557 เปลี่ยนชื่อ ศรัณย์พัชร์ เป็น ภวิศ
-26 กันยายน 2557 เปลี่ยนนามสกุล กิติขจรพัชร์ เป็น นาคฤทธิ์
-29 กันยายน 2557 เปลี่ยนนามสกุล นาคฤทธิ์ เป็น ภูริภัทร์เมฆินทร์
-7 กันยายน 2559 เปลี่ยนนามสกุล ภูริภัทร์เมฆินทร์ เป็น นาคฤทธิ์
-8 กันยายน 2559 เปลี่ยนชื่อ ภวิศ เป็น พสิษฐ์
-8 กันยายน 2559 เปลี่ยนนามสกุล นาคฤทธิ์ เป็น อริญชย์ลาภิศ