สินบนข้ามชาติ "บางกอกฟิล์ม เฟสติวัล" เป็นคดีแรกที่ทางการไทยร่วมกับต่างประเทศ หาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้สำเร็จ หลังใช้เวลาสืบสวนสอบสวนกว่า 10 ปี 

ปฐมบทของคดีอื้อฉาว��รียกรับสินข้ามชาติเพื่อจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพเกิดขึ้น เมื่อศาลสหรัฐและเอฟบีไอ สืบทราบว่านางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เรียกรับเงินจำนวน 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ กว่า 60 ล้านบาทจากสองสามีภรรยาชาวสหรัฐ คือ นายเจอรัลด์ และนางแพทริเซีย กรีน เพื่อให้ได้สิทธิจัดการเทศกาลภาพยนตร์

โดยปี 2553 ศาลสหรัฐได้ตัดสินให้จำคุกสองสามีภรรยา ชาวสหรัฐคนละ 6 เดือน พร้อมปรับเงิน 2.5 แสนเหรียญสหรัฐ ฐานติดสินบนเจ้าหน้าที่ต่างชาติ

ทางการสหรัฐยังตั้งข้อกล่าวหากับนางจุฑามาศ และบุตรสาว  ฐานฟอกเงิน หลังพบว่าสองสามีชาวสหรัฐได้จัดตั้งบริษัทบังหน้าเพื่อจ่ายเงินสินบนให้นางจุฑามาศโดยโอนเงินผ่านบัญชีของบุตรสาวนางจุฑามาศ

 คณะกรรมการ ป.ป.ช.นำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาจนชี้มูลความผิดอาญากับนางจุฑามาศ เมื่อปี 2554 และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดส่งฟ้องศาลอาญา 

ปี 2558 อัยการสูงสุดจึงมีความเห็นสั่งฟ้องนางจุฑามาศและบุตรสาวต่อศาลอาญา ฐานเป็นพนักงานเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดสำหรับตนเอง เป็นพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนางจุฑามาศ ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ และประสานทางการสหรัฐเพื่ออายัดทรัพย์สินจำนวนกว่า 60 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป

ส่วนศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้เริ่มกระบวนการไต่สวนพยานตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2559 และมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมาให้จำคุกนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. 66ปี แต่รวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกสูงสุดเป็นเวลา 50ปี 

ขณะเดียวกัน ยังพิพากษาจำคุกนางสาวจิตติโสภา บุตรสาวนางจุฑามาศ เป็นเวลา 44 ปี ฐานความผิดเรียกรับสินบน เพื่อจัดงานเทศกาลภาพยนต์นานาชาติกรุงเทพ สมัยนั่งในตำแหน่งผู้ว่าการ ททท. ระหว่างปี 2545 จนถึงปี 2549

และศาลยังมีคำสั่งให้ริบเงินกระทำความผิดจำนวน 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และดอกผลจำนวน 62 ล้านบาทตกเป็นของแผ่นดินด้วย
        
ขณะที่วันนี้ ศาลอุทธรณ์ได้ยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวนางจุฑามาศและบุตรสาว หลังยื่นหลักทรัพย์เงินสดคนละ 1 ล้านบาท เพราะเห็นว่า จำเลยทั้งสองถูกฟ้องในข้อหาร้ายแรง หากจำเลยทั้งสอง ได้รับการปล่อยชั่วคราว อาจหลบหนีได้