หากกล่าวถึงประเทศซีเรียในขณะนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก 'บาชาร์ อัล-อัสซาด' ผู้นำของประเทศซีเรียคนปัจจุบัน ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศเกือบทุกแห่งลงข่าวเขาเป็นประจำจากสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศ
World Wide Voice ประจำวันที่ 12 สิงหาคม 2555
หากกล่าวถึงประเทศซีเรียในขณะนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก 'บาชาร์ อัล-อัสซาด' ผู้นำของประเทศซีเรียคนปัจจุบัน ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศเกือบทุกแห่งลงข่าวเขาเป็นประจำจากสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศ
บาชาร์ อัล-อัสซาด ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีซีเรียมาตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน โดยเขาได้รับตำแหน่งสืบทอดตำแหน่งผู้นำประเทศมาจากพ่อของเขา ซึ่งครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2514
จริงๆ แล้ว อัสซาดไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าสู่วงการการเมือง เขาจึงเลือกเรียนที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยดามัสกัส และประกอบอาชีพแพทย์รักษาโรคทั่วไป ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษในปี 2535
หลังจากนั้น 2 ปี อัสซาดถูกเรียกตัวกลับประเทศ เพื่อเข้ารับการฝึกเป็นผู้นำคนต่อไป หลังจากได้รับการวางตัวให้เป็นทายาททางการเมืองต่อจากพ่อ แทนพี่ชายของเขาที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หลังจากที่พ่อของเขาถึงแก่อสัญกรรมในปี 2543 อัสซาดได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการพรรคบาธ จากนั้นก็ได้รับการเสนอชื่อขึ้นชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยไม่มีคู่แข่ง
อัสซาดถือเป็นผู้นำประเทศอาหรับหัวสมัยใหม่ ซึ่งเขาเสนอให้มีการผ่อนคลายความเข้มงวดของกฎหมายควบคุมสื่อและจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และยังประกาศให้มีการปฏิรูปเศรษฐกิจให้ทันสมัยมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากการส่งออกน้ำมัน
แม้การปฏิรูปของเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ในปี 2550 เขาก็ได้รับเลือกตั้งให้เป็นป���ะธานาธิบดีต่อเป็นสมัยที่ 2 ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการทุจริตเลือกตั้ง
ในปี 2554 เมื่อกระแสการปฏิวัติโดยประชาชนเพื่อโค่นล้มผู้นำทรราชย์แพร่กระจายไปทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง อัสซาดก็ถูกต่อต้านด้วยเช่นกัน แต่เขายังคงยืนยันที่จะอยู่ในอำนาจและต่อสู้กับฝ่ายต่อต้าน แม้ว่าจะมีประชาชนต้องเสียชีวิตไปหลายหมื่นคนและถูกนานาชาติรุมประณามก็ตาม
ส่วนอัสมา อัล-อัสซาด หญิงข้างกายของเขา ก็เป็นที่จับตามองจากสื่อต่างชาติเป็นอย่างมากเช่นกัน สตรีหมายเลขหนึ่งของซีเรียคนนี้อาจมีผู้เข้าใจผิดว่าเป็นชาวอังกฤษ แต่ความจริงแล้ว พ่อแม่ของเธอเป็นชาวซีเรียโดยกำเนิด แต่เธอเกิดและใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก หลังจบการศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ลอนดอน เธอได้เข้าทำงานในธนาคารใหญ่ระดับโลกถึง 2 แห่ง คือ ดอยช์แบงก์ และเจพีมอร์แกน
อัสมาพบรักกับบาชาร์ ขณะที่เขาศึกษาต่อด้านจักษุแพทย์ที่กรุงลอนดอน หลังจากที่บาชาร์ อัล-อัสซาดขึ้นกุมอำนาจสูงสุดของซีเรียแล้วเป็นเวลา 5 เดือน อัสมาก็เข้าพิธีสมรสกับผู้นำหนุ่มของซีเรีย ในเดือนธันวาคม ปี 2543 และมีลูกด้วยกัน 3 คน
จากนั้นเป็นต้นมา การปรากฏตัวตามหน้าสื่อของอัสมาก็กลายเป็นที่สนใจจากภาพลักษณ์ของสตรีหมายเลข 1 ผู้มีรสนิยมที่ดีในการแต่งตัว และมีการนำเธอไปเปรียบเทียบกับอิลเมลดา มาร์กอส ภริยาของเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตผู้นำจอมเผด็จการของฟิลิปปินส์
หลังจากรัฐบาลของสามีเธอถูกต่อต้านจนเหตุการณ์บานปลายเป็นสงครามกลางเมือง อัสมา อัล-อัสซาดก็ถูกนิตยสารผู้หญิงและสื่อตะวันตกใช้มาตรการประณาม และมีข่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในซีเรียทำให้ขณะนี้ เธอต้องลี้ภัยไปอาศัยอยู่ในรัสเซีย