เมื่อวันที่ 10-17 มีนาคมที่ผ่านมา ได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ วัตถุประสงค์ครั้งนี้ คือไปดูความเปลี่ยนแปลงของเกาหลีใต้ ซึ่งในช่วง 5 -6 ปีมานี้ รัฐบาลเกาหลีพยายามสร้างอนาคตที่ดีให้กับประชากรของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด
ระบบคมนาคมของเกาหลีใต้ เน้นที่กรุงโซล ไม่ต่างจากกรุงเทพค่ะ ตอนนี้ประชากรในกรุงโซล ใช้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินในช่วงเช้าและเย็น พวกเขาเข้างานประมาณ 9 โมง เลิกงาน 6 โมงเย็น เวลาทำงานเหมือนกันกับไทย ดังนั้นรถไฟฟ้าจะติดในช่วงเดียวกัน
รถไฟฟ้าคือทางเลือกดีสุด
แต่รถไฟฟ้าของกรุงโซล มีทั้งความเร็วปกติ และความเร็วพิเศษ (เอ็กซ์เพรส) วิ่งใต้ดินและบางช่วงไปโผล่บนดิน จะไม่มีแยกกันเป็นรถไฟลอยฟ้า หรือ รถไฟใต้ดินเหมือนบ้านเรา และรถไฟอีกประเภท คือ รถไฟความเร็วสูง KTX ซึ่งวิ่งระหว่างเมือง
ในช่วงเช้าๆของเกาหลี ช่วงประมาณ 8 โมงเช้า ในรถไฟฟ้าความเร็วพิเศษ คนจะแน่นมาก ผู้เขียนได้ขึ้นรถไฟทั้ง 2 แบบ ทั้งแบบปกติและความเร็วพิเศษ จากฮงแด ไปคังนัมพบว่า รถไฟความเร็วพิเศษ คนแน่นจนไม่สามารถหันหน้าได้ ตัวติดกันแทบจะเป็นสามี-ภรรยากันเลยทีเดียวค่ะ ส่วนรถไฟความเร็วปกติ ความหนาแน่นของคนใช้เหมือนการใช้รถไฟฟ้าช่วงบ่ายๆ ในบ้านเราค่ะ มีที่นั่งเหลือเยอะเลย
ราคาตั๋วโดยสารรถไฟฟ้า ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,250 วอน หรือ 39 บาท สามารถเปลี่ยนเส้นทางได้ในตั๋วเดียว ที่สำคัญราคาถูกกว่าค่าแท็กซี่ เพราะราคาเริ่มต้นเมื่อกดมิเตอร์ อยู่ที่ 3000 วอน หรือ 95 บาท
แท็กซี่มีมง
แต่แท็กซี่ในเกาหลีใต้ ระบบคล้ายบ้านเราที่มีการเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลเดินรถค่ะ แต่น่ารักตรงที่มีการ “มอบมง” ให้แท็กซี่ด้วย
แท็กซี่ที่ให้บริการดี ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร ขับรถในความเร็วที่กำหนด จะได้รับการโหวตจากผู้โดยสาร เมื่อได้คะแนนตามเกณฑ์แล้ว จะได้รับมงกุฎ สวมบนหลังคา ทำให้แท็กซี่มีมง แบบนี้ค่ะ
รถเมลเกาหลีอัจฉริยะ
ส่วน การเดินทางด้วยรถเมล์ ในกรุงโซลมี 3 ประเภท คือ รถเมล์วิ่งระหว่างเมือง,ในเมือง และในหมู่บ้าน แยกประเภทด้วยขนาดและสีของรถ ปัจจุบันรัฐบาลปรับระบบให้รถเมล์มาวิ่งเลนกลาง โดยใช้สีฟ้าล้อมกรอบ และไม่เพิ่มจำนวนรถเมล์บนท้องถนน พร้อมเพิ่มความสะดวกด้วยป้ายรถเมล์อัจฉริยะ ที่คิดค้นระบบในปี 2548 ติดตั้งใช้จริงปี 2554 หรือ 6 ปีก่อน ปัจจุบันค่าความแม่นยำอยู่ที่ 95% ในป้ายนี้จะบอกสายรถเมลที่วิ่งผ่านเส้นทางนี้ ,สภาพอากาศ,สภาพฝุ่น เวลาที่รถเมล์ต่างๆ จะมาถึง
แต่ถ้าป้ายไหน ไม่มีป้ายรถเมลอัจฉริยะ คนในกรุงโซลจะใช้แอพลิเคชั่นเพื่อตรวจสอบเส้นทางรถเมลที่จะไปถึงที่หมายของเรา วันนี้เราใช้แอพลิเคชั่น “ โซล บัส” หนึ่งในแอพพลิเคชั่น ตรวจสอบเส้นทางรถเมล์ เพียงแค่พิมพ์หมายเลขรถที่เรารออยู่ ระบบจะแจ้งเวลาที่รถเมล์จะเข้าถึงป้าย อย่างตอนนี้ รถเมล์ที่เรารออยู่จะมาถึงใน 3 นาที 30 วินาที ทำให้เราคำนวณได้ว่า เราจะเดินทางถึงปลายทางเมื่อไหร่
การจ่ายเงินค่ารถเมล ก็จ่ายได้ทั้งเงินสด, บัตรเครดิตและ ตั๋วร่วม ทีมันนี ซึ่งคนเกาหลีใต้เกือบ 100% จะพกบัตรนี้ติดตัวไม่ต่างจากบัตรเครดิต
สถาบันวิจัยโซล ขุมพลังพัฒนาเมืองเพื่ออนาคต
วันนี้เรานัดสัมภาษณ์พิเศษ ดร.กวาง ฮุน ลี นักวิจัยอาวุโส ด้านวิศวกรรมการขนส่ง สถาบันวิจัยโซล ที่นี่คือแหล่งรวบรวมนักวิจัยชั้นหัวกะทิของเกาหลีใต้ กว่า 300 คน มีนักวิจัยระดับดอกเตอร์ 80 คน ทำหน้าที่ศึกษา วางแผน ทุกเรื่องราวในการใช้ชีวิตของประชากรในประเทศ รวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากอดีต ปัจจุบัน คาดการณ์ไปถึงอนาคต เพื่อร่วมกำหนดอนาคตของชาติ
ตารางด้านบน จะเห็นได้ว่า การรวบรวมสถิตินี้เป็นเพียงข้อมูลที่รวบรวมมาจากรายละเอียดการเดินทาง 18 ประเภท ตั้งแต่การเดิน การใช้รถส่วนตัว การใช้รถเมล์ รถจักรยานยนต์ รถบรรทุก ฯลฯ
ถ้าเราดูตารางด้านบน ทำให้เรารู้ว่า ในปี พ.ศ.2563 - 2588 กรุงโซลจะใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้นเล็กน้อย ใช้รถเมล์ลดลง ใช้รถไฟฟ้าใต้ดินมากขึ้น
ตัวเลขนี้ ทำให้สำนักงานว่าการกรุงโซล เพิ่มจำนวนรถไฟฟ้าอีก 7 สาย โดย 1 ใน 7 สาย จะเปิดให้บริการเดือนเมษายนนี้ (60)
ดอกเตอร์ลีบอกว่า ปัจจุบัน ประชากรเกาหลีใต้ เข้าถึงระบบการคมนาคมได้ 70% โดยใช้เวลาเพียง 5 นาที ก็สามารถเข้าถึงได้ ขณะที่สถาบันวิจัยโซล วางเป้าหมายพัฒนาระบบให้ประชาชนเข้าถึงระบบรถสาธารณะได้เร็วยิ่งขึ้น
ระบบคมนาคมเริ่มต้นจาก “ประชาชน”
ขั้นตอนการวางแผนระบบคมนาคมของกรุงโซล เริ่มต้นที่สถาบันวิจัยโซลทำการศึกษาจากความต้องการของประชาชน โดยนำข้อมูลเหล่านั้นหารือร่วมกับบริษัทเอกชน เมื่อได้ผลสรุป จึงนำเสนอแผนงานกับสำนักงานว่าการกรุงโซล เพื่อขออนุมัติจากกระทรวงคมนาคม วิธีนี้ตอบสนองความต้องการประชาชนได้ตรงจุด และมีอิสระในการบริหารจัดการ ซึ่งมีความแตกต่างจากบ้านเราที่ทุกอย่างจะเริ่มดำเนินการจากกระทรวงคมนาคม กำหนดนโยบายก่อน แล้วจึงมอบหมายไปยังท้องถิ่นให้ดำเนินการต่อ
อีกเรื่องที่ทำให้เห็นชัดเจนว่า กรุงโซล ให้ความสำคัญกับพลเมืองของประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางด้วยระบบสาธารณะ กรุงโซลเลยปรับขึ้นค่าจอดรถในที่สาธารณะให้สูงขึ้น อย่างที่จอดรถเป็นอาคารเหล็ก 3 ชั้น ที่เมียงดง ค่าจอดทั้งวันตอนนี้อยู่ที่ 700 บาท ก็จะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ , เก็บภาษีห้างสรรพสินค้า ที่ทำให้การจราจรหนาแน่น อย่างห้างล็อตเต้ที่เราเห็นในกรุงโซล เค้าต้องจ่ายให้รัฐบาล (ซึ่งคนที่เกาหลีกระซิบมาว่า ภาษีแค่นี้ไม่กระทบอะไรเค้าเลย) , ปรับแก้กฏหมายลดขนาดถนนให้แคบลง ขยายทางเดินให้กว้างขึ้น
เนรมิต “สวนลอยฟ้า” บนสะพานข้ามแยก ที่โซล สเตชั่น
ตั้งแต่ ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน กรุงโซล ได้รื้อสะพานข้ามแยกที่ไม่จำเป็นหลายแห่ง พร้อมกับจัดระบบการเดินรถด้วยการปรับสัญญาณไฟจราจร โดยพบว่า ระบายรถระหว่างทางแยกได้ดีกว่า ส่วนสะพานที่รื้อออกไม่ได้ก็ใช้วิธีการ “ปรับทัศนียภาพ”
พอกเก็ตบุคเล่มใหม่ของ ดร.ลี ซึ่งมันหมายถึงสิ่งที่สถาบันวิจัยโซล กำลังศึกษา เพื่อสร้างอนาคตการเดินทางในเกาหลีใต้ เน้นไปที่การให้ความสำคัญของประชากรในประเทศและนักท่องเที่ยว ที่จะต้องใช้การเดินทางด้วยการ “เดิน”เป็นหลัก และจะเพิ่มจำนวนพื้นที่ของการปั่นจักรยานให้มากขึ้น
ทั้งหมดมุ่งหวังให้คนเดินเท้า เป็นใหญ่ที่สุดบนท้องถนน
หลายอย่างที่เกาหลีใต้ใช้อเมริกาเป็นแบบอย่างในการพัฒนาประเทศ ตั้งแต่ระบบการขนส่งและจราจร การเดินทางของพลเมือง ไปจนถึงการใช้ชีวิตแบบ โสดๆ สุข ของคนรุ่นใหม่ในเกาหลีใต้ ที่ตอนหน้าเราจะนำเสนอเรื่องนี้กันค่ะ