ไม่พบผลการค้นหา
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ โพสต์เฟซบุ๊กกรณีวัดพระธรรมกาย ว่า เหตุที่รัฐใช้ ม.44 เป้าหมายหลักคือจัดการวัด ไม่ใช่จัดการพระ และก้าวข้ามเรื่องพระธัมมชโยไปแล้ว

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ โพสต์เฟซบุ๊กกรณีวัดพระธรรมกาย ว่า เหตุที่รัฐใช้ ม.44 เป้าหมายหลักคือจัดการวัด ไม่ใช่จัดการพระ และก้าวข้ามเรื่องพระธัมมชโยไปแล้ว

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm Back ว่า ทุกศาสนาทั่วโลกกำลังพบกับปัญหาใหญ่ จากการท้าทายของคนรุ่นใหม่ ที่เริ่มไม่เชื่อถือและศรัทธาต่อหลักธรรมของศาสนา โดยยึดมั่นถือมั่นในตัวเองมากกว่าคำสอนของศาสดา ศูนย์รวมของความศรัทธาเริ่มสั่นคลอน "ความเชื่อถูกท้าทาย"

วัดพระธรรมกายจึงใช้หลักการ “ตลาดบุญ” โดยออกกรมธรรม์ขั้นบันไดบุญให้กับผู้ที่บริจาคเงินแทนวิธีการแบบดั้งเดิมที่ใช้การ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ฝังลูกนิมิต กลยุทธ์การตลาดประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ทำให้ยอดบริจาคสามารถนำมาสร้างสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตมโหฬาร ขยายสาขาไปได้ทั่วโลก ชนิดที่วัดธรรมดาๆตกตะลึง ไม่มีโอกาสที่จะทำได้ เพราะแค่ชักชวนคนมาทำบุญบริจาคสร้างโบสถ์สร้างวิหารแบบเดิมๆยังทำได้ยาก กว่าจะเสร็จสักหลังก็ใช้เวลาหลายปี

หลายคนจึงโจมตีวัดพระธรรมกายว่า กระทำการขัดต่อหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่การดำรงอยู่ของความเชื่อและความศรัทธานั้น ย่อมสะท้อนถึงยอดเงินในกล่องบริจาคที่ทุกวัดล้วนต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ “พุทธบริษัท” สร้างเครื่องรางของขลังให้เกจิอาจารย์ปลุกเสกออกพระ

เพียงแต่วัดพระธรรมกายประสบความสำเร็จจนมีเงินมหาศาล มีศิษยานุศิษย์มากมาย และยังแผ่ขยายความยิ่งใหญ่ไม่หยุดยั้ง จนสร้างความกลัว ความระแวงขึ้นมาในสังคม ผลลัพธ์ออกมาจึงเป็นอย่างที่เห็น

เรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ และผมเกรงว่าจะกลายเป็น “ก้างตำคอ” เพราะว่ากันว่า สองเรื่องที่อย่าเอามาคุยคือ การเมืองและศาสนา คุยกันเมื่อไหร่ เป็นพังเมื่อนั้น

รัฐใช้ ม.44 เป็นกฎหมายพิเศษคงถอยไม่ได้ และได้ก้าวข้ามเรื่องพระธัมมชโยไปเสียแล้ว ถึงแม้หาไม่เจอก็คงไม่ถอยกลับ เพราะเป้าหมายหลักคือจะไปจัดการวัด ไม่ใช่จัดการพระ

พร้อมทิ้งท้ายว่า "ทุกวันนี้การเมืองดูเหมือนนิ่งๆดีอยู่แล้ว ดันมามีปัญหาเรื่องวัดเอาจนได้"

 

 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog