ไม่พบผลการค้นหา
เว็บไซต์ประชาไทสืบค้นเอกสารฟ้องของอัยการผ่านระบบสารสนเทศสำนวนคดี ศาลอาญา พบว่าศาลรับฟ้องคดีทุนมินลัตและพวก ไปตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 2565 โดยที่ผ่านมาปฏิเสธการประกันตัวแล้ว 4 ครั้ง

มีรายงานว่า ทุนมินลัต นักธุรกิจใหญ่ที่มีสายสัมพันธ์กับ ‘มินอ่องลาย’ ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า ถูกอัยการไทยฟ้องในข้อหายาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ฟอกเงิน ร่วมกับจำเลยอื่นอีก 4 ราย อ้างมีความผิดฐานรับเงินจากการค้ายาเสพติดแล้วนำไปซื้อไฟฟ้าส่งออกไปขายในพม่า

เว็บไซต์ประชาไทรายงานว่า จากการสืบค้นเอกสารฟ้องของอัยการผ่านระบบสารสนเทศสำนวนคดี ศาลอาญา พบว่าศาลรับฟ้องตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 2565 โดยจำเลยในคดีมีทั้งสิ้น 5 ราย ได้แก่ทุนมินลัต (ทุน มิน หลัด ตามเอกสารคำฟ้อง) ดีน ยัง จุลธุระ ชายสัญชาติไทย-อเมริกัน ลูกเขยของอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นอกจากดีนแล้ว บริษัทอัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) นิติบุคคลจดทะเบียนในไทย และบุคคลอีกสองรายที่เกี่ยวข้องกับบริษัทกลุ่มอัลลัวร์ยังถูกฟ้องเป็นจำเลยอีกด้วย

นอกจากนี้ยังพบว่า มีการยื่นขอประกันตัวจำเลยทั้งสิ้น 4 ครั้งแต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกัน โดยนัดหมายศาลครั้งหน้า เป็นการตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 23 ม.ค. 2566

ในสาระสำคัญ จำเลยทั้งห้าถูกกล่าวหาตามคำฟ้องว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเงินที่ได้จากการขายยาเสพติด นำไปแปลงสภาพเป็นไฟฟ้าเพื่อส่งออกไปขายที่ประเทศพม่า โดยทุนมินลัต จำเลยที่ 1 ทำหน้าที่โอนเงินจากบัญชีที่รับโอนของเครือข่ายยาเสพติดจำนวนทั้งสิ้น 7 กลุ่ม ไปยังบัญชีของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อ.แม่สาย เพื่อชำระหนี้ค่าไฟฟ้า โดยทุนมินลัต รับผลประโยชน์จากการดำเนินงานของบริษัทเมียนมาร์ อัลลัวร์ กรุ๊ป นิติบุคคลที่จดทะเบียนในพม่า ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออัลลัวร์ กรุ๊ป และอัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ส่วนดีน ยัง จุลธุระ จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการกระทำการแทนเมียนมาร์ อัลลัวร์ กรุ๊ป และรับผลประโยชน์จากการนำเงินไปจ่ายค่าไฟฟ้าดังกล่าว

จำเลยที่ 5 บริษัทอัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ถูกกล่าวหาตามฟ้องว่า “เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตามกฎหมายไทย มีหน้าที่นำเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มาเปลี่ยนสภาพเป็นสินค้าประเภทกระแสไฟฟ้า ส่งออกไปยังประเทศเมียนมาร์”

“ทั้งนี้ การกระทำของจำเลยทั้งห้ากับพวกดังกล่าวได้ดำเนินการเป็นคณะบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปที่รวมตัวกันในช่วงเวลาหนึ่ง และร่วมกันกระทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ทางการเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ทางวัตถุอย่างอื่น อันเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม อันเป็นการสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด อันมีลักษณะขององค์กรอาชญากรรม” คำฟ้องระบุ

แม้คำฟ้องจะมุ่งไปที่การกระทำในส่วนของเส้นทางการเงิน แต่ได้มีการระบุว่ามีมูลเหตุเกี่ยวพันกับคดีความยาเสพติดของเครือข่ายค้ายาเสพติดที่กลายเป็นคดีความไปก่อนหน้านี้เมื่อ 10 พ.ค. 2562 ในข้อหาถือครองและจำหน่ายยาเสพติดประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ จำนวน 1,043,800 เม็ด น้ำหนักราว 99.152 กก.)

คำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าในหลายข้อหา ยกตัวอย่างเช่น ประมวลกฎหมายยาเสพติด พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติดให้โทษ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

อนึ่ง ความผิดฐานฟอกเงินและอาชญากรรมข้ามชาติมีโทษสูงสุดอยู่ที่จำคุก 15 ปี แต่ในความผิดฐานยาเสพติดนั้น ความผิดตามฟ้องสามารถนำไปสู่โทษจำคุกตลอดชีวิตไปจนถึงประหารชีวิตได้