ไม่พบผลการค้นหา
ใบตองแห้ง วิพากษ์ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะหมวดบทลงโทษ ชี้มุ่งตัดตอนพรรคการเมืองด้วยบทลงโทษหนัก ตรวจสอบเข้ม ไม่เปิดโอกาสให้พรรคเล็กได้เกิด

ใบตองแห้ง วิพากษ์ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะหมวดบทลงโทษ ชี้มุ่งตัดตอนพรรคการเมืองด้วยบทลงโทษหนัก ตรวจสอบเข้ม ไม่เปิดโอกาสให้พรรคเล็กได้เกิด

 

นายอธึกกิต แสวงสุข หรือใบตองแห้ง นักวิเคราะห์ข่าวทางวอยซ์ทีวีกล่าวว่าการตั้งพรรคการเมืองตามร่าง พ.ร.ป. พรรคการเมืองนั้นจะทำได้ยาก จำกัดโอกาสของพรรคเล็กๆ เพราะต้องมีสมาชิกจำนวนมากและสมาชิกพรรคต้องจ่ายค่าสมาชิกในการก่อตั้งและเงินอุดหนุนพรรครายปี ซึ่งจะเปิดโอกาสสำหรับพรรคใหญ่ๆ ที่มีเงินทุนและสมาชิกจำนวนมาก และมีความสามารถในการตั้งสาขาพรรคให้ครบทุกภาคเท่านั้น

 

“นี่คือการจำกัดเสรีภาพในการรวมตัวทางการเมืองที่จะเป็นพรรคการเมือง ซึ่งมันมาตั้งแต่ในรัฐธรรมนูญแล้วว่าสมัครอิสระไม่ได้ เป็นพรรคเล็กก็ไม่ได้  และพรรคต้องถูกควบคุมเช้มข้น ต้องเป็นพรรคในอุดมคติ เป็นพรรคใหญ่ ต้องพร้อมเพรียง พรรคท้องถิ่นไม่ได้ คนสามจังหวัดภาคใต้จะตั้งพรรคทำได้ยาก คนอิสานจะตั้งพรรคทำได้ยาก จะมีลักษระของพรรคกรีนก็ไม่ได้”

 

นายอธึกกิตกล่าวและวิพากษ์ต่อไปว่า พ.ร.ป. ที่ทางคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพิ่งเปิดร่างออกมานั้นอยู่บนฐานคิดที่สนับสนุนเฉพาะพรรคใหญ่ พรรคดี หากแต่พรรคการเมืองไม่มีอำนาจอะไรเลย เป็นเพียงตัวประกอบที่ ส.ว. สามารถเลือกนายกได้ แต่เข้มงวดมาก

 

อีกประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ การเข้มงวดกับพรรคเล็ก ซึ่งเป็นมรดกทางความคิดตั้งแต่รัฐธรมนูญปี 2540 ที่ต้องจ่ายเงินอุดหนุนพรรคการเมืองแค่สุดท้ายกลายเป็นข้อจำกัดที่พรรคการเมืองต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ที่มีรายละเอียดบังคับ

 

สำหรับการลงโทษพรรคการเมืองนั้น นายอธึกกิตเห็นว่ามีบทลงโทษหนักทั้งการยุบพรรค จำคุก ประหารชีวิต และโทษบางข้อกลับไม่ปรากฏกับผู้มีอำนาจรัฐอื่นๆ เช่น การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งบัญญัติไว้ในมาตรา 44 ว่า

 

“ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองสนับสนุนหรือส่งเสริมบุคคลใดให้กระทําการหรือสนับสนุนการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความมั่นคงของ

ราชอาณาจักร ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศหรือราชการแผ่นดินหรือกระทําการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือกระทําการอันเป็นการทําลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ”

 

นายอธึกกิตชี้ว่า ด้วยข้อบัญญัติที่จำกัดอำนาจและมีการตรวจสอบที่เข้มข้นรวมถึงบทลงโทษพรรคการเมืองอย่างรุนแรงดังที่ปรากฏใน พ.ร.ป.พรรคการเมือง พรรคการเมืองย่อมเกิดขึ้นได้ยาก ขณะที่นักการเมืองที่ยังอยากทำงานการเมืองต้องพกกฎหมายติดตัวให้รัดกุมไม่ต่างกับพ่อค้าเร่ใน จ. บุรีรัมย์ที่เป็นข่าวครึกโครมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะไม่มีความแน่นอนว่าวันใดจะถูกตรวจสอบและลงโทษด้วยกฎหมายข้อไหนบ้าง

ภาพและเรื่องจากรายการเรื่องเล่าเช้านี้ วันที่ 24 พ.ย. 2559

“พ่อค้าวัย 55 ปี อาชีพขายอาหารเร่ตามหมู่บ้าน จ.บุรีรัมย์ นำใบอนุญาตการขาย ใบอนุญาตต่อเติมรถพร้อมใบเสร็จรับเงิน มาปิดไว้ข้างประตูรถปิกอัพจำนวน 5 แผ่น เพื่อแสดงให้เห็นชัดเจนว่าได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกถามหาใบอนุญาตเป็นประจำ หลังปิดโชว์แล้วตำรวจไม่ถามอีก เผยยินดีให้ความร่วมมือ แต่ยอมรับที่ผ่านมาถูกเรียกตรวจบ่อยเกินไป จนต้องเสียค่าปรับเป็นประจำ”

 

คำอธิบายอย่างย่อเกี่ยวกับ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

นายอุดม  รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) พร้อมด้วย นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง เลขานุการฯ และ นายศุภชัย ยาวะประภาษ กรธ. ร่วมกันแถลงและอธิบายเนื้อหาของ ร่างฯ ดังกล่าวเมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) โดยสรุปเนื้อหาได้ดังนี้

ร่างพระราชบัญญัติฯ ประกอบไปด้วย 10 หมวด 129 มาตรา เนื้อหามุ่งให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้ประชาชนควรเป็นเจ้าของพรรคการเมืองอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์บุคคลบางกลุ่ม

 

จำนวนสมาชิกและเงื่อนไขในการตั้งพรรค

  • กำหนดให้การตั้งพรรคต้องรวมตัวกันให้ได้ 500คน จ่ายเงินทุนประเดิมอย่างน้อยคนละ 2,000บาท แต่ไม่เกิน 500,000บาท และในปีแรกต้องมีสมาชิกให้ได้ 5,000 คน จากนั้นภายใน 4 ปี ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 20,000 คน
  • ต้องตั้งสาขาพรรคอย่างน้อย 1แห่งในแต่ละภาคที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด มีตัวแทนประจำจังหวัดในแต่ละจังหวัด ไม่น้อยกว่า 100 คน และพรรคการเมืองต้องจดทะเบียนพรรคกับ กกต. อย่างไรก็ตาม กรธ. ไม่มีเจตนาเซตซีโร่พรรคการเมืองเก่า แต่พรรคการเมืองต้องปรับเปลี่ยนกติกาใหม่

หน้าที่พรรคการเมือง 4 ข้อ

  • ต้องเสริมสร้างให้สมาชิกพรรค และประชาชนเข้าใจระบอบประชาธิปไตย ใช้สิทธิเสรีภาพอย่างถูกต้อง
  • เสนอแนวทางพัฒนาประเทศและแก่ปัญหาอย่างเหมาะสม
  • ต้องส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐอย่างมีเหตุผล
  • ต้องส่งเสริมให้ประชาชนสามัคคี ปรองดอง และแก้ปัญหาความขัดแย้งในประเทศอย่างสันติวิธี

บทลงโทษ

  • หากพรรคไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดใน พ.ร.ป. มีโทษถึงขั้นยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคด้วย
  • นอกจากนี้ ยังกำหนดโทษการกระทำผิดนำไปสู่การยุบพรรค อาทิ กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การปล่อยปะละเลยให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเข้ามาครอบงำการดำเนินกิจการภายในของพรรค ซึ่งเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคแล้ว ห้ามบุคคลใดใช้ชื่อ ชื่อย่อ ตราสัญลักษณ์พรรคการเมืองนั้นซ้ำ หรือพ้องกับพรรคที่ถูกยุบ ห้ามกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบ ไปจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองใหม่ หรือไปเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองอื่นภายใน 10 ปี

 

ทั้งนี้ กรธ.เตรียมจัดเวทีชี้แจงเนื้อหาร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากนักการเมือง และพรรคการเมือง ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในวันที่ 14 ธ.ค.59 ณ สโมสรสันนิบาตสหกรณ์ โดยจะนำความเห็นมาปรับแก้ไขเนื้อหาต่อไป ส่วน ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. คาดว่าจะมีการเปิดเผยเนื้อหาได้ภายในสัปดาห์หน้า

อ่านร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

 

 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog