ไม่พบผลการค้นหา
ไขข้อสงสัย ธรรมเนียมประทับพระบรมโกศ ของบรมวงศานุวงศ์หลังเสด็จสวรรคต ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

ไขข้อสงสัย ธรรมเนียมประทับพระบรมโกศ ของบรมวงศานุวงศ์หลังเสด็จสวรรคต ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

วันที่ 14 ตุลาคม 2559 สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งพิมานรัตยา เสด็จเข้าภายในพระฉากกราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช พร้อมกับประกอบพระราชพิธีตามธรรมเนียมทุกประการ จากนั้นทรงให้ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เชิญพระหีบ พระบรมศพ ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นประดิษฐานบนพระแท่นแว่นฟ้าหลังพระแท่นสุวรรณเบญจดล (ประทับยังพระหีบ มิได้ลงประทับพระบรมโกศ) จึงชวนประชาชนบางส่วนสงสัยว่าไม่ได้ปฏิบัติตามธรรมเนียม

เฟซบุ๊กเพจ คลังประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งเป็นเพจที่ให้ข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์ของประเทศไทย จึงให้ข้อมูลหลังจากข่าวพระราชสำนักระบุว่า ได้เชิญพระหีบพระบรมศพขึ้นประดิษฐานบนพระแท่นแว่นฟ้าหลังพระแท่นสุวรรณเบญจดล มิได้ลงประทับยังพระบรมโกศ ว่ามิใช่การยกเลิกธรรมเนียมแต่อย่างใด แต่มาจากพระประสงค์ส่วนพระองค์ เนื่องด้วยเมื่อคราสมเด็จย่าสวรรคตนั้น  พระองค์ได้ทรงรับสั่งว่าให้นำท่านลงหีบ ซึ่งพระราชกระแสรับสั่งนี้เกิดขึ้นเมื่อคราพิธีสรงน้ำ สมเด็จพระราชินี ในรัชกาลที่ 7 ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จด้วย และได้เห็นการทำพระสุกำหรือมัดตราสังพระบรมศพแล้วอัญเชิญลงสู่พระบรมโกศ เป็นไปด้วยความทุลักทุเล พระองค์จึงตรัสว่า "อย่าทำกับฉันอย่างนี้ อึดอัดแย่" ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในรัชกาลที่ 9

พระโกศจันทน์ซึ่งใช้ในการพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ (ภาพ : สำนักพระราชวัง) อ้างจาก : www.sarakadee.com

ตามโบราณราชประเพณี เมื่อพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เสด็จสวรรคต จะประกอบพิธีบรรจุพระบรมศพ พระศพ ลงในพระโกศ แต่ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เชิญพระบรมศพ และพระศพ ลงหีบพระศพ แทนการใส่พระโกศ ซึ่งสามารถทำได้ตามพระราชอัธยาศัย

สำหรับความหมายของพระโกศ คือที่ใส่พระบรมศพ และพระศพเจ้านาย ของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศ์ กับโกศที่พระราชทานสำหรับศพข้าราชการผู้มีบรรดาศักดิ์สูง ตามคตินิยมของพราหมณ์ที่เชื่อว่า ต้องตั้งพระศพในท่ายืน, นั่ง, คุกเข่า หรือกอดเข่าประสานมือ เพื่อส่งพระศพและพระวิญญาณเสด็จกลับสู่สรวงสวรรค์

พระโกศ เป็นภาชนะเครื่องสูง จึงสร้างขึ้นเพื่อใช้บรรจุพระบรมศพพระราชวงศ์ไทย อันเป็นธรรมเนียมทำกันมานานแล้ว โกศนั้นมีชั้นเชิงแตกต่างกัน พระโกศและโกศจึงแบ่งตามลำดับยศมีอยู่ 14 อย่าง ดังนี้

1.พระโกศทองใหญ่ 2.พระโกศทองรองทรง  นับเสมอพระโกศทองใหญ่ 3.พระโกศทองเล็ก 4.พระโกศทองน้อย 5.พระโกศกุดั่นใหญ่ 6.พระโกศกุดั่นน้อย 7.พระโกศมณฑปใหญ่ 8.พระโกศมณฑปน้อย 9.พระโกศไม้สิบสอง 10.พระโกศพระองค์เจ้า  เดิมเรียกว่า โกศลังกา 11.โกศราชนิกูล 12.โกศเกราะ 13.โกศแปดเหลี่ยม 14.โกศโถ

ภาพดัดแปลงจากหนังสือ "ตำนานพระโกศ และหีบศพบรรดาศักดิ์"  ปี 2539. อ้างจาก : oknation.net

พระโกศทองใหญ่ สร้างในรัชกาลที่ 1 (พ.ศ. 2351) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดให้รื้อทองที่หุ้มกระโกศกุดั่นมาทำพระโกศทองใหญ่ขึ้นไว้ สำหรับพระบรมศพของพระองค์ แต่เมื่อ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพสิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระอาลัยมาก จึงโปรดฯให้เชิญพระโกศทองใหญ่ไปประกอบพระศพสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพเป็นครั้งแรก และเป็นประเพณีในรัชกาลต่อมา

พระโกศทองใหญ่ เป็นพระโกศสำหรับทรงพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และพระศพของพระบรมวงศ์ชั้นสูง สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช นับเป็นพระโกศที่มีลำดับยศสูงที่สุด โดยใช้สำหรับบรรจุพระศพของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพเป็นพระองค์แรก

ปัจจุบันใช้เป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศพระบรมศพพระบรมวงศานุวงศ์ จากนั้นจะบรรจุพระบรมศพลงในหีบพระศพแทนการลงพระโกศ เช่น สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ , สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ประทับพระบรมโกศทองใหญ่

“พระโกศทอง” ระหว่างเปลื้องพระลองซึ่งเปรียบได้กับเปลือกหุ้มด้านนอกออก (ภาพ : สำนักพระราชวัง) อ้างจาก : www.sarakadee.com

 

ขอบคุณที่มา : สํานักพระราชวัง , สํานักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ , คลังประวัติศาสตร์ไทย

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog