ผู้บัญชาการทหารบก ชี้แจงคำสั่ง และระเบียบกลาโหม กรณีข้าราชการทหารตั้งบริษัททำธุรกิจ ต้องดูว่าเกิดการใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์หรือไม่ หลังสำนักข่าวอิศรา เปิดเอกสารบริษัท งาทวีสุข และบริษัท สื่อสายรุ้ง ที่มี พ.ต.หญิง ชลรัศมี งาทวีสุข เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น เข้าไปรับงานประชาสัมพันธ์ และงานโฆษณาต่าง ๆ จากภาครัฐ

ผบ.ทบ.แจงทหารตั้งบริษัทจากประเด็น'ชลรัศมี'    
    
ภายหลังสำนักข่าวอิศรา มีการนำเสนอระเบียบกระทรวง กลาโหม พ.ศ.2551 รวมถึงคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน เมื่อปี 2519 ห้ามข้าราชการทหารมีผลประโยชน์ทับซ้อน กรณีบริษัท งาทวีสุข จำกัด และบริษัท สื่อสายรุ้ง จำกัด ที่มี พ.ต.หญิง ชลรัศมี งาทวีสุข ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น เข้าไปรับงานประชาสัมพันธ์ และงานโฆษณาต่าง ๆ จากภาครัฐ 
        
พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ชี้แจงว่าคำสั่งดังกล่าว ไม่ได้ถูกยกมาพูดถึง เนื่องจากเป็นคำสั่งเก่า แต่หากมีการดำเนินการธุรกิจจริง ต้องดูก่อนว่าผิดมากน้อยแค่ไหน สามารถลดหย่อนโทษได้หรือไม่ หากไม่ได้เป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ หรือเป็นระดับผู้นำองค์กร
    
สอดคล้องกับคำชี้แจง พันเอกวินธัย สุวารี โฆษก คสช.และโฆษกกองทัพบก ก่อนหน้านี้ ระบุว่า หากพิจารณาตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินแล้ว เห็นว่า เป็นการห้ามบรรดาเอกชนเอาชื่อข้าราชการทหารไปใส่เป็นกรรมการบริษัทไปใช้ประโยชน์แต่ในส่วนของ พ.ต.หญิง ชลรัศมีนั้น ไม่เข้าข่าย เพราะธุรกิจของ พ.ต.หญิง ชลรัศมี ได้เปิดดำเนินงานมานานแล้ว และรับงานตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน 
    
นอกจากนี้ พ.ต.หญิง ชลรัศ เรียนจบสายตรงทางนิเทศศาสตร์เป็นนักประชาสัมพันธ์ที่เก่งคนหนึ่ง และมีความสามารถสูง ทั้งด้านภาษา และไหวพริบ ดังนั้นในเมื่อบริษัทของ พ.ต.หญิง ชลรัศมี มารับงานของรัฐ ก็ถือว่ารัฐได้ประโยชน์ด้วย 

เปิดกฎกระทรวง 'ทหาร' รับงานรัฐได้หรือไม่        
    
คำสั่งหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่ 38/2519 ห้ามข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร เป็นกรรมการบริษัท หรือให้บริษัทห้างร้านของเอกชนเหล่านั้นอาศัยชื่อของตนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางตรงหรือทางอ้อม

ทั้งระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยประมวลจริยธรรม พ.ศ. 2551 ข้อ 5.5 ระบุ การพิทักษ์และรักษาผลประโยชน์ของชาติ ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน 

    
เช่นเดียวกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 มาตรา 96 ระบุ ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องไม่เป็นกรรมการผู้จัดการหรือดำรงตำแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงกันนั้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอิศราได้ตั้งข้อสงสัย นิยาม ของ “ส่วนราชการ” และ “ข้าราชการกระทรวงกลาโหม” ว่าเป็นส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ครอบคลุมข้าราชการพลเรือนกลาโหม ทหารกองประจำการ เจ้าหน้าที่ทางทหาร พนักงานราชการ ลูกจ้าง ในสังกัดกระทรวงกลาโหม และบุคคลที่ทำหน้าที่ทหารตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด

พันตรีหญิง ชลรัศมี งาทวีสุข เป็นข้าราชการทหารชั้นสัญญาบัตร รับราชการตั้งแต่ปี 2551 ยศร้อยตรี และมีการเลื่อนขั้นเรื่อยๆ จนในปี 2558 เลื่อนจากยศร้อยเอกเป็นพันตรี 

จากข้อมูลของสำนักข่าวอิศราระบุว่า นายชาญชัย งาทวีสุข ผู้เป็นบิดา และนางสาวชลรัศมี และครอบครัวถือหุ้น 100% ทั้งในบริษัทงาทวีสุขจำกัด และบริษัทสื่อสายรุ้งจำกัด อันประกอบธุรกิจรับจ้างโฆษณา โดยบริษัทสื่อสายรุ้งจำกัด เป็นผู้ผลิตรายการ "คุยยกบ้าน" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ซึ่งว่าจ้างโดยธนาคารออมสิน วงเงิน 1.6 ล้านบาท ในการสร้างภาพลักษณ์ธนาคาร และจ้างผลิตโดย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร วงเงิน 1.7 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2557 
    
ส่วนบริษัทงาทวีสุขจำกัด จ้างโฆษณาประชาสัมพันธ์ อาทิ บริษัท ปตท. ในรายการ "จากภาพของพ่อ" วงเงิน 10.4 ล้านบาท เมื่อปี 2554 รวมรายได้ปี 2557 รายได้อยู่ที่ 52 ล้านบาท ส่วนปี 2558 รายได้อยู่ที่ 70 ล้านบาท