ไม่พบผลการค้นหา
นักดาราศาสตร์ค้นพบข้อมูลล่าสุดจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล เกี่ยวกับการพุ่งชนกันของกาแลกซีทางช้างเผือก และกาแลกซีแอนโดรมีดา ในอีก 4,000 ล้านปีข้างหน้า

นักดาราศาสตร์ค้นพบข้อมูลล่าสุดจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล เกี่ยวกับการพุ่งชนกันของกาแลกซีทางช้างเผือก และกาแลกซีแอนโดรมีดา ในอีก 4,000 ล้านปีข้างหน้า และหลังจากนั้น ทั้งสองกาแลกซีก็จะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว 

 
หลังจากที่นักดาราศาสตร์ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ที่กาแลกซีทางช้างเผือก จะชนกับกาแลกซีแอนโดรมีดา ซึ่งเป็นกาแลกซีเพื่อนบ้าน ที่อยู่ใกล้กับกาแลกซีทางช้างเผือกนั้น ล่าสุด กลุ่มนักดาราศาสตร์ก็ได้เปิดเผยข้อมูลว่า กาแลกซีทางช้างเผือก จะชนเข้ากับกาแลกซีแอนโดรมีดาในอีก 4,000 ล้านปีข้างหน้า เนื่องจากทั้งสองกาแลกซี ต่างก็ถูกอีกฝ่ายหนึ่งดึงดูดเข้ามาหา จนเกิดการชนกันในที่สุด และหลังจากนั้น อีก 2,000 ล้านปี ทั้งสองกาแลกซีก็จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว โดยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ ตำแหน่งที่ตั้งของดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนไป ส่วนดวงดาวอีกจำนวนหนึ่ง ก็จะถูกทำลาย แต่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
 
 
โดยหนึ่งในนักวิจัยจากสถาบันกล้องโทรทรรศน์อวกาศ ในบัลติมอร์ สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ถ้าเรามองจากโลกนั้น จะเห็นกาแลกซีแอนโดรมีดาเป็นเพียงกลุ่มควันเล็กๆ แต่หลังจากมีการค้นพบและยืนยันว่า ในอนาคตกาแลกซีแอนโดรมีดา จะเคลื่อนมาชนกับทางช้างเผือก และปกคลุมโลกของเรา และระบบสุริยะเอาไว้ ก็ทำให้วงการดาราศาสตร์ กลับมาคึกคักครั้ง โดยหลายฝ่ายยกย่องให้การค้นพบครั้งนี้ เป็นการค้นพบอันยิ่งใหญ่
 
 
หลังจากนี้ สิ่งที่นักดาราศาสตร์ต้องดำเนินการเป็นลำดับต่อไป ก็คือ การตรวจสอบว่า กาแลกซีแอนโดรมีดาจะเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้กับกาแลกซีทางช้างเผือกในทิศทางใด แต่เนื่องด้วยเทคโนโลยี ที่มนุษย์มีอยู่ในปัจจุบัน อาจทำให้การคาดการณ์ดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จ แต่สิ่งหนึ่งที่นักดาราศาสตร์สามารถยืนยันได้ในขณะนี้ก็คือ แม้ว่า กาแลกซีแอนโดรมีดา จะเคลื่อนตัวเข้ามาปะทะกับกาแลกซีทางช้างเผือก แต่ดวงดาวที่โคจรอยู่ในทั้งสองกาแลกซี จะไม่พุ่งชนกันอย่างแน่นอน เพราะว่าระยะห่างของทั้งสองกาแลกซีนั้น มีขนาดใหญ่มาก ส่วนหลุมดำที่อยู่ใจกลางของสองกาแลกซี ก็จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
 
 
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นในอีก 4,000 ล้านปีข้างหน้า มนุษย์จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์นี้หรือไม่ นักวิจัยผู้รับผิดชอบโครงการนี้กล่าวว่า เมื่อถึงเวลานั้น อาจจะไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่บนโลกอีกต่อไป เพราะว่าอากาศจะร้อนขึ้น จนไม่เอื้อให้มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ แต่หากว่า มนุษย์ในโลกอนาคต สามารถเปลี่ยนความร้อนดังกล่าวเป็นพลังงานอื่นๆแทน ก็อาจจะมีชีวิตอยู่รอด และสามารถพบเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก็เป็นได้
Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog