ไม่พบผลการค้นหา
'จุฬาราชมนตรี' นำอิสลามิกชน แสดงพลังปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้านผู้นำศาสนา ชี้ ต้องรู้คุณชาติไทยที่ให้เสรีภาพทางศาสนา จงรักกษัตริย์ที่ทรงอุปถัมภ์อิสลาม

ที่หอประชุมศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ เขตหนองจอก กทม. อาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี จัดงาน 'รวมพลังมุสลิม ปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์' มีการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานก่อนเริ่มงาน และประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันของชาวไทยมุสลิม ก่อนปิดท้ายงานด้วยการกล่าวดุอา หรือ ขอพรต่อพระเจ้า และเพลงสรรเสริญพระบารมี มีอิสลามมิกชนจากหลายจังหวัดโดยเฉพาะในภาคกลางเข้าร่วมกว่า 2,000 คน

พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานฯ ว่า กิจกรรมนี้เพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยมุสลิมนับจากอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งกษัตริย์ทุกพระองค์เป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก หรือ อุปถัมภ์ทุกศาสนาและศาสนาอิสลามส่งเสริมการแสดงความกตัญญูรำลึกผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะผู้ช่วยทำนุบำรุงความเจริญของศาสนาและให้ผู้นับถือศาสนาอิสลามร่วมกันขอพรจากอัลเลาะห์พระผู้เป็นเจ้า ให้สังคมและประเทศชาติมีความอยู่เย็นเป็นสุข

ชุมนุม​มุสลิม​_๒๐๑๑๑๐_0.jpg

ในงานมีการเสวนา 'สถาบันพระมหากษัตริย์ กับมุสลิมในแผ่นดินไทย' โดยผู้นำศาสนาอิสลาม ที่น่าสนใจคือ ประสาน ศรีเจริญ รองประธานคณะผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า ความจงรักภักดีคือการผูกใจรัก เคารพนับถือรู้คุณผู้ที่ทำความดีให้กับตน ส่วนความภักดีต่อชาตินั้น ต้องรู้ว่าชาติสร้างคุณงามความดีอะไรให้เราบ้าง โดยหลักการของชาติมีรัฐธรรมนูญในการดูแลปกครอง ซึ่งรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับล้วนให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา ซึ่งไม่กี่ประเทศในโลกที่ให้เสรีภาพในเรื่องนี้ สำหรับการภักดีต่อศาสนาก็ปฏิบัติตามหลักการและโครงสร้างศาสนาที่ แต่ละคนนับถือ 

ขณะที่พระมหากษัตริย์ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งจุฬาราชมนตรีและคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย พระราชทานยศฐาบรรดาศักดิ์ให้ 'ศาสนบุคคล' ของอิสลามมากมาย ส่วนหลัก 'ศาสนบัญญัติ' ของอิสลามนั้น กษัตริย์ไทยโดยเฉพาะรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำริให้แปลคัมภีร์อัลกุรอานเป็นภาษาไทย ถือเป็นกษัตริย์องค์แรกของโลกที่ดำเนินการในเรื่องนี้ และทรงอุปถัมภ์สละราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างอย่างน้อย 5 มัสยิด ที่ถือเป็น 'ศาสนสถาน' ของอิสลาม