ไม่พบผลการค้นหา
ตร. ออกหมายเรียกเอกชัย หงส์กังวาน และพวก เพื่อนำตัวส่งฟ้องกับอัยการ ฐานความผิดร่วมกันพยายามประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี จากกรณีชูสามนิ้วต่อขบวนเสด็จเมื่อวันที่ 14 ต.ค.

เอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. เขาได้รับหมายเรียกจากสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ให้ไปรายงานตัวในวันที่ 28 ม.ค. 2564 ในเวลา 10.00 น. เพื่อนำตัวเขา พร้อมสำนวนคำฟ้องยื่นต่ออัยการ กรณีร่วมกันพยายามประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี (ม.110) , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้สั่งการ (ม.215) , กระทำการด้วยประการใดๆ ในลักษณะเป็นการกีดขวางการจราจร โดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมาย กีดขวางทางสาธารณะจนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร

สำหรับการตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวนี้ เกิดจากเหตุการณ์ชูสามนิ้วต่อขบวนเสด็จของพระราชินี เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 ซึ่งมีการนัดเดินขบวนของกลุ่มราษฎรจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มาปักหลักค้างคืนบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล โดยระหว่างที่ขบวนของราษฎรเดินทางมาถึงบริเวณแยกนางเลิ้ง ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกั้นเส้นทางเป็นเวลาว่า 2 ชั่วโมง แต่ระหว่างนั้นปรากฎว่า มีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งได้เดินทางล่วงหน้ามาที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลก่อนแล้ว และที่สุดปรากฎว่ามีขบวนเสด็จของพระราชินีผ่านเข้ามาบริเวณพื้นที่ซึ่งมีมวลชนปักหลักอยู่

โดยภาพที่เผยแพร่ตามสื่อโซเซียลมีเดียต่างๆ พบว่า ในช่วงแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังเป็นแนวขวางในลักษณะที่่เป็นการปิดกั้นถนน โดยมวลชนจำนวนหนึ่งเมื่อเห็นการจัดขบวนของเจ้าหน้าที่จึงเดินเข้าไปเผชิญหน้าเนื่องจากคิดว่า เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมการสลายการชุมนุมในจุดดังกล่าว แต่หลังจากนั้นพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดทางออกและมีขบวนเสด็จของพระราชินีผ่านเข้ามา หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้ถอยออกมาและเปิดทางให้ขบวนเสด็จผ่านไป โดยระหว่างนั้นมีการชูสามนิ้วให้กับขบวนเสด็จด้วย

หลังจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในคืนวันที่ 14 ต.ค. ก่อนจะมีการเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรต่อมาในช่วงเช้ามืดวันที่ 15 ต.ค. จากนั้นศาลได้อนุมัติให้ออกหมายจับเอกชัย พร้อมพวก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110

ทั้งนี้ ย้อนไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2563  แกนนำพรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงข่าวการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมของเยาวชนคนรุ่นใหม่และประชาชน

โดยวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคฯ กล่าวว่า กรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 มีข้อบกพร่องในการจัดเส้นทางขบวนเสด็จฯ โดยเฉพาะการที่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้จัดเส้นทางผ่านถนนพิษณุโลกที่มีผู้ชุมนุมอยู่เพื่อไปขึ้นทางด่วนยมราชนั้น นำไปสู่การแจ้งความประชาชนจำนวนหนึ่งในคดีมาตรา 110 ซึ่งเป็นข้อหาที่ร้ายแรง

วิโรจน์ กล่าวอีกว่า ทั้งที่ความจริงแล้ว ทุกครั้งในการจัดเส้นทางขบวนเสด็จฯ เจ้าหน้าที่ต้องสำรวจเส้นทางล่วงหน้าและมีการจัดเส้นทางสำรอง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด อีกทั้งมีหลักฐานควรเชื่อได้ว่าเป็นความบกพร่อง คือ คำสั่งย้ายข้าราชการตำรวจระดับสูง 3 นายในวันที่ 15 ต.ค. 2563 คือ พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบ.ชน., พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผบก.น 1 และ พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.อคฝ. ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ขณะเดียวกันในการเปิดประชุมสภาเพื่ออภิปรายและลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นช่วง 16-19 ก.พ. 2564 พรรคฝ่ายค้านได้ยื่นอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ ในกรณีที่ ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเองด้วย