ร้านอาหารชูจันทร์ กลายเป็นกระแสดังของสังคมในขณะนี้ หลังจากนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ค เชิญชวนให้แฟนเพจส่งภาพร้านอาหารราคาถูก
ร้านอาหารชูจันทร์ กลายเป็นกระแสดังของสังคมในขณะนี้ หลังจากนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ค เชิญชวนให้แฟนเพจส่งภาพร้านอาหารราคาถูก
จนทำให้สส.พรรคประชาธิปัตย์ออกมาโต้กลับผ่านทางเฟสบุ๊คว่าไม่เป็นความจริง โดยเจ้าของร้านยืนยันกับทีมข่าววอยซ์ทีวีว่าไม่เคยขึ้นราคาอาหาร
ร้านชูจันทร์ ร้านข้าวหน้าหมูแดง หมูกรอบ ตั้งอยู่ริมทางรถไฟ ถนนกำแพงเพชรใกล้ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ร้านมีอาหารหลายเมนู เช่น ข้าวหน้าหมูแดง หมูกรอบ ก๋วยเตี๊ยวหมูตุ๋น และบะหมี่หมูแดงหมูกรอบ ซึ่งจากการสอบถามนายชีพ ชูจันทร์ เจ้าของร้าน เล่าว่า แต่เดิมเมื่อ 20 ปีก่อนขายอาหารตามสั่งที่สะพานควายแล้วย้ายมาขายที่ข้างพรรคประชาธิปัตย์เมื่อ 10กว่าปีก่อน แต่ด้วยขายอาหารตามสั่งมีต้นทุนที่สูงขึ้น และลูกค้าส่วนใหญ่เป็นราชการที่ต้องการความรวดเร็วในการทาน จึงเปลี่ยนมาขายข้าวหมูแดง และมาเพิ่มเมนู ข้าวหมูกรอบเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยขายในราคาธรรมดา 30 บาท พิเศษ 40 บาท ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ชีพ ชูจันทร์ย้ำว่าไม่เคยคิดปรับขึ้นราคาอาหาร ถึงแม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบ ทั้งเนื้อหมู ข้าวสาร แก๊สหุงต้ม จะปรับราคาสูงขึ้น ซึ่งทางร้านจะใช้วิธีการตระเวนตามตลาดสดเพื่อหาวัตถุดิบราคาถูก เช่น ตลาดบ้านพักรถไฟ กม.11 ตลาดสดราชวัตร และตลาด4 แยกบ้านแขก ซึ่งมีเพียงร้านขายราดหน้าซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายอื่นที่มาเช่าหน้าร้านตน ที่ปรับราคาขึ้นจาก 30 เป็น 35 บาท แต่ก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าของร้าน ซึ่งตนไม่เกี่ยวข้อง
โดยปัจจุบันบุตรสาว ชีพ ชูจันทร์ ยอมรับว่า ในรอบปีที่ผ่านมา ราคาต้นทุนขยับสูงขึ้น เช่น เนื้อหมูจากกิโลกรัมละ 100 บาท เป็น 130 บาท ข้าวสารเสาไห้คัดพิเศษ จากถังละ 240-280 บาท เป็น 360 บาท แต่ไข่ไก่ปรับราคาลงจากปีที่แล้วแผงละ 100กว่าบาท เหลือ 80 บาท ซึ่งต้นทุนเหล่านี้ยังไม่รวมค่าแก๊สและค่าน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่เจ้าของร้านยืนยันว่า จะไม่ลดคุณภาพวัตถุดิบหรือปรับราคาอาหารขึ้นเพราะว่า เข้าใจคนที่มีฐานะยากจน ถ้าหากปรับขึ้นราคาจะไปเพิ่มภาระให้กับผู้บริโภค รวมทั้งถ้าลดปริมาณอาหารหรือลดคุณภาพ ลูกค้าก็ไม่ชอบ ฉะนั้นอย่าทำสิ่งที่ตนไม่ชอบให้กับคนอื่น และด้วยการยึดมั่นในอุดมการณ์นี้ ทำให้วันนี้ร้านชูจันทร์มีทั้งลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ ต่างมาอุดหนุนจนแน่นร้าน
ตั้งแต่เวลา 07.00-14.00 น.ของทุกวัน ร้านชูจันทร์ จะมีลูกค้ามาซื้ออาหารวันละประมาณ 200-300 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่เจ้าของร้านบอกว่าพออยู่ได้ เพราะคิดกำไรแบบถัวเฉลี่ย ไม่ใช่คิดกำไรต่อจาน ซึ่งหากวันหนึ่งสามารถขายหมูได้เกิน 21 กิโลกรัมจะได้กำไร ซึ่งที่ผ่านมาก็มีทั้งได้กำไรและขาดทุนเท่าๆกัน แต่สึ่งหนึ่งที่เจ้าของร้านได้ยึดมั่นคือ การค้าขายไม่จำเป็นต้���งหวังเอาแต่กำไร บางอย่างขาดทุนบ้างแต่อย่าไปรังแกคนอื่น
จานที่มีหมูกรอบหรือหมูแดงเป็นสิบชิ้น พร้อมด้วยราคา 30-40 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ประชาชนระดับกลางถึงระดับล่างรับได้ ทำให้ร้าน ชูจันทร์ เป็นร้านทางเลือกของผู้คนหลายอาชีพ ตั้งแต่คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างจนถึงผู้บริหารบริษัท
Produced by VoiceTV