กรณีร้านกาแฟถูกดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์เพลง หลังเปิดเพลงในร้านทำให้เกิดข้อสงสัยว่า กฎหมายลิขสิทธิ์ที่บังคับใช้ ครอบคลุมการใช้ผลงานเชิงพาณิชย์มากน้อยแค่ไหน และผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อไม่ให้ละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์
เพลงที่เปิดภายในร้านกาแฟมนต์รักคลอง 15 แห่งนี้ แม้จะสร้างบรรยากาศภายในร้าน แต่ผู้ประกอบการรายนี้ใช้เปิดฟังระหว่างทำงานหรือช่วงที่ไม่มีลูกค้าเท่านั้น โดยปกติจะเปิดเพลงจาก YouTube แต่หลังเกิดกรณีร้านกาแฟรายหนึ่ง ถูกดำเนินคดีฐานละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ จึงเลี่ยงไม่เปิดเพลงของศิลปินจากค่ายดัง และหันมาเปิดเพลงที่เป็นดนตรีบรรเลงแทน
และมองว่ากรณีนี้เกิดจากตัวกฎหมายมีความคลุมเครือ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเห็นว่ากฎหมายที่เคร่งครัดมากเกินไป อาจไม่เป็นผลดีต่อเจ้าของค่ายเพลงและศิลปิน หากต้องโปรโมทผลงานเพลงใหม่ๆ เพราะส่วนตัว ไม่ได้มีเจตนาที่จะเปิดเพลงของศิลปิน เพื่อหวังทำกำไรจากการใช้เพลงที่เปิดในร้านอยู่แล้ว
ขณะที่ฝ่ายกฎหมายกรมทรัพย์สินทางปัญญา ระบุการเปิดเพลงในสถานประกอบการ ไม่ว่าจะเปิดผ่าน YouTube หรือ วิทยุ ถือเป็นการเผยแพร่ต่อสาธารณชน ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน และแม้ไม่มีเจตนาเพื่อการค้า แต่ก็ถือว่าเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ได้ เนื่องจากกฎหมาย คุ้มครองเจ้าของลิขสิทธิ์ เพียงผู้เดียว ซึ่งจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ในมาตรา 27-31
ผู้ประกอบการต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ละเอียด เพื่อป้องกันการละเมิดกฎหมายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขณะที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา จะช่วยเจรจากับเจ้าของลิขสิทธิ์และหน่วยงานจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ เพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดเก็บในกลุ่มสถานประกอบการ
ส่วนกรณีที่มีศิลปินบางรายและบางค่ายเพลง อนุญาตให้ผู้ประกอบการ นำเพลงไปเปิดในร้าน โดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์นั้น สามารถทำได้ แต่ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบให้ละเอียด เพราะแต่ละเพลงอาจมีเจ้าของลิขสิทธิ์ มากกว่า 1 คน แต่แม้จะตรวจสอบได้ ก็ทำได้ยาก ดังนั้นกรมทรัพย์สินทางปัญญา อาจเป็นตัวกลางรวบรวมผลงานของศิลปินและค่ายเพลงที่อนุญาตให้เผยแพร่ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
โดยเตรียมเชิญผู้ประกอบการและผู้ผลิตสื่อ 29 บริษัท มาหารือเกี่ยวกับการอนุญาตใช้ผลงานในเชิงพาณิชย์ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ เมื่อได้ข้อสรุป จะประกาศให้ประชาชน รับทราบต่อไป
