เหตุใดเวลากินสับปะรดแล้วต้องแสบปาก-แสบลิ้น? ก็เพราะว่าในสับปะรดมีเอ็นไซม์ชื่อ "บรอมีนเลน" เป็นสารที่สามารถย่อยโปรตืนได้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้แสบปากแสบลิ้นก็เพราะบรอมีนเลนเข้าไปทำลายโปรตีนที่บริเวณนั้นซึ่งเป็นจุดบอบบาง
ทำไมเวลากินสับปะรดแล้วจะต้องรู้สึกแสบปาก-แสบลิ้นแทบทุกครั้งไป สร้างความทรมานให้กับผู้ที่ชื่นชอบกินสับปะรดไม่น้อย ทำให้บางคนเลิกกินสับปะรดไปเลยก็มีเพราะเจอประสบการณ์ไม่น่าพิศมัยอยู่บ่อยครั้ง เว็บไซต์ IFLscience มาเฉลยข้อสงสัยข้อนี้เรียบร้อยแล้ว เพราะในสับปะรดนั้นมีเอ็นไซม์ที่มีชื่อว่า บรอมีนเลน เป็นสารที่สามารถย่อยโปรตีนได้ ทำให้เวลากัดสับปะรดเข้าไปเอ็นไซม์บรอมีนเลนก็จะถูกเนื้อเยื่ออ่อนบริเวณปากกับลิ้น ทำให้รู้สึกแสบได้
อย่างไรก็ตามเอ็นไซม์บรอมีนเลน มีประโยชน์ด้านโภชนา คือ บรอมีนเลนมีฤทธิ์ช่วยในระบบย่อยอาหารและช่วยในการสมานแผลในกระเพาะอาหารเนื่องจากคุณสมบัติสามารถย่อยโปรตีนให้มีโมเลกุลเล็กลง และเมื่อมีอาการแน่นท้องหลังจากกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์มากๆ ให้ดื่มน้ำสับปะรดหรือทานเนื้อสับปะรดหลังอาหารเพื่อช่วยลดอาการแน่นท้องได้ ในด้านการแพทย์ ใช้บรอมีนเลนในการควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้องอก และชิ้นส่วนเนื้อร้าย(มะเร็ง) ใช้ในการสมานแผลลดการอักเสบแผลจากการผ่าตัด ช่วยให้รอยแผลดูดีขึ้น และยังช่วยสลายลิ่มเลือด หรือลดการจับตัวของเกล็ดเลือด ลดการเกิดโรคที่เกิดจากการอุดตันของเส้นเลือด เช่นหลอดเลือดอุดตัน และโรคหัวใจได้
นอกจากนี้ แม่ค้า-พ่อค้าบางรายยังใช้สับปะรดในการหมักเนื้อสัตว์ให้มีความนุ่มน่ากิน เวลานำมาประกอบอาหาร