สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์แห่งการปรองดองในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองเพื่อยกย่องวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองในออสเตรเลีย 

300,000 คนในปี 1788 , 66,000 คนในปี 1901 , 60,000 คนในปี 1921 คือจำนวนของชาวอะบอริจิน ชนเผ่าพื้นเมืองของทวีปออสเตรเลีย ที่มีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็ว ถูกบุกรุกโดยผู้ตั้งถิ่นฐานผิวขาว ที่ทั้งยึดดินแดนอุดมสมบูรณ์ และสังหารหมู่ชาวพื้นเมืองอีกส่วนหนึ่ง คนที่เหลือรอดก็ถูกรุกไล่ให้ออกไปจากถิ่นฐานเดิมของตนเอง จนปัจจุบัน ชาวอะบอริจินกลายเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยในออสเตรเลีย ที่มีจำนวนประชากรเพียงร้อยละ 2 เท่านั้น

นอกจากนี้  ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 รัฐบาลออสเตรเลียมีนโยบายกลืนเผ่าพันธุ์ชาวอะบอริจิน ด้วยการแยกชาวอะบอริจินแท้ๆไปอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ห่างไกล และพรากเด็กลูกครึ่งชาวอะบอริจินจากครอบครัวไปเลี้ยงดูในสถาบันต่างๆ เช่น สถานเลี้ยงดูเด็กของรัฐหรือโบสถ์ เพื่อที่จะกลืนเผ่าพันธุ์อะบอริจินเข้าไปในสังคมของคนผิวขาว 

จนกระทั่งในช่วงต้นทศวรรษ 1970 จึงเริ่มมีการเคลื่อนไหวเพื่อกดดันให้รัฐบาลออสเตรเลียยกเลิกนโยบายดังกล่าว รวมถึงส่งเสริมให้ชาวอะบอริจินรักษาวัฒนธรรมของตน และมีความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคมมากขึ้น
        
วันที่ 27 พฤษภาคม ถึง วันที่ 3 มิถุนายน ของทุกปี เป็นสัปดาห์แห่งการปรองดองของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งสถานทูตไทยในออสเตรเลียก็ร่วมจัดงานเฉลิมฉลองครั้งนี้ด้วย 

ศิลปินพื้นเมืองออสเตรเลียที่เดินทางมาร่วมงานเฉลิมฉลองครั้งนี้ ด้วยการแสดงศิลปะ การร้องเพลง และการเต้นรำของชาวอะบอริจิน บอกว่าการที่รัฐบาลออสเตรเลียตัดสินใจยอมรับความผิดพลาดในอดีต เป็นการเดินหน้าสู่การปรองดองที่ถูกทาง

แนวคิดหลักของการเฉลิมฉลองสัปดาห์แห่งการปรองดองในปีนี้คือ 'ประวัติศาสตร์ของเรา เรื่องราวของเรา และอนาคตของเรา' ซึ่งเน้นการยอมรับถึงความอยุติธรรมในอดีตเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่การปรองดอง ซึ่งจะช่วยสร้างให้ออสเตรเลียเป็นสังคมที่เคารพในความแตกต่างที่หลากหลายอย่างแท้จริง