ไม่พบผลการค้นหา
3 ปีก่อน สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นแกนนำนั้น แกนนำหลุ่มพันธมิตรฯ เกือบต้องแลกด้วยชีวิต เนื่องจากถูกลอบยิงด้วยกลุ่มคนร้ายมีเชี่ยวชาญการใช้อาวุธ

3 ปีก่อน สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นแกนนำนั้น แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เกือบต้องแลกด้วยชีวิต เนื่องจากถูกลอบยิงด้วยกลุ่มคนร้ายมีเชี่ยวชาญการใช้อาวุธ โชคดีที่เพียงแค่บาดเจ็บ มาถึงวันนี้คดีไปถึงไหน

 

เช้าตรู่วันที่ 17 เมษายน 2552ในช่วงการประกาศใช้ พระราชกำหนดบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นช่วงเวลาที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เดินทางออกจากบ้านพัก เพื่อไปจัดรายการโทรทัศน์ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี แต่ระหว่างที่เดินทางด้วยรถตู้อัลพาร์ดอยู่นั้น กลุ่มคนร้ายได้ขับรถปิกอัพตามประกบ ก่อนเปิดฉากยิงถล่มใส่รถเป้าหมายอย่างไม่ยั้งมือ

 

เหตุการณ์นั้น นายสนธิ เฉียดตายอย่างปาฏิหารย์ เศษกระสุนฝังในขมับด้านขวา จำนวน 4 จุด และยังได้แผลยาวบนใบหน้า รวมทั้งตามลำตัว ซึ่งต้องรับการผ่าตัดใหญ่ในทันที ส่วนคนขับรถนั้นอาการรุนแรงกว่า เพราะต้องรับกระสุนบางส่วนไปเต็มๆ เข้าทั้งหน้าอก ต้นแขนและศรีษะ ต้องเข้าผ่าตัดและรักษาตัวในโรงพยาบาลเช่นกัน

 

สำหรับความคืบหน้าของคดีมีแค่เพียงการออกหมายจับ สิบตำรวจโทวรวุฒิ มุ่งสันติ สังกัดกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ช่วยราชการดีเอสไอ จ่าสิบเอกปัญญา ศรีเหรา สังกัดศูนย์สงครามพิเศษลพบุรี และ สิบเอกสมชาย บุนนาคสังกัดกองร้อยกองบังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณจังหวัดลพบุรีเท่านั้น

 

ส่วนการดำเนินการในส่วนต่างๆ กลับเงียบหายไป แม้ในอดีตได้ผู้ควบคุมคดีอย่าง พลตำรวจเอกธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเจ้าของฉายานายพลไม้บรรทัด ก็ยังไม่สามารถจับตัวคนลงมือมาลงโทษได้

 

ถ้าย้อนกลับไปดูการสืบสวนของชุดคลี่คลายคดี ก็มีพยานหลักฐานชิ้นสำคัญหลายชิ้นเริ่มปรากฏภาพที่ชัดเจนมากขึ้นทั้งการได้พบรถต้องสงสัยของคนร้ายเป็นรถปิกอัพโตโยต้าวีโก้ สีเปลือกมังคุด หมายเลขทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี และยังได้หลักฐานภาพวงจรปิดจากบริเวณที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง ก่อนส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่า มีนายทหารยศพันเอกคนหนึ่งเป็นตัวการประสานงานทั้งหมดทางตำรวจเองได้เบาะแสเรื่องการใช้โทรศัพท์ที่เชื่อมโยงกับทีมสังหารอีกด้วย ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญนำไปสู่การไขปริศนาคดีนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์กันไป เพราะการหาหลักฐานมัดตัวหรือการเดินหน้าคดีไม่มีตำรวจรายไหนอยากเข้ามาสานต่อ

 

คดีนี้ ทุกอย่างหยุดนิ่งมาโดยตลอด หลังพลตำรวจเอกพัชรวาทวงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. เกษียณอายุราชการลง พลตำรวจเอกปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เข้ามารับตำแหน่งรักษาราชการผบ.ตร.ในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่พบความคืบหน้าของคดี อีกทั้งยังไม่มีการแต่งตั้งใครเข้าไปรับผิดชอบโดยตรง

 

นั่นจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คดีหยุดชะงัก แม้ภายหลัง พลตำรวจเอกภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. ในช่วงที่กำกับดูแลกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็ไม่ได้เข้ามาสานต่อคดีนี้โดยตรง กระทั่งปัจจุบันได้ พลตำรวจเอกปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. เข้ามารับผิดชอบตำรวจนครบาล ก็คงต้องดูว่าจะไปถึงตอนจบของเรื่องนี้ได้หรือไม่อย่างไร
 

 

Produced by VoiceTV

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog