ไม่พบผลการค้นหา
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สัมภาษณ์พิเศษ อาเหม็ด อับเดล รองประธานสายการบินอียิปต์แอร์ ถึงสาเหตุการตกของเครื่องแอร์บัส A320 เที่ยวบินที่ MS804 ว่ามีความเป็นไปได้ทั้งการก่อการร้าย และความผิดพลาดทางเทคนิค โดยมีการประมวล 4 ทฤษฎีที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องบินลำนี้

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สัมภาษณ์พิเศษ อาเหม็ด อับเดล รองประธานสายการบินอียิปต์แอร์  ถึงสาเหตุการตกของเครื่องแอร์บัส A320 เที่ยวบินที่ MS804 ว่ามีความเป็นไปได้ทั้งการก่อการร้าย  และความผิดพลาดทางเทคนิค โดยมีการประมวล 4 ทฤษฎีที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องบินลำนี้

1.เครื่องบินถูกลอบนำระเบิดขึ้นมาวาง

หลังเครื่อง MS804 หายไปจากจอเรดาร์ระหว่างบินเข้าเขตรอยต่อของกรีซและอียิปต์ รัฐมนตรีด้านการบินของอียิปต์ให้น้ำหนักกับการก่อการร้ายมากกว่าความผิดพลาดทางเทคนิค โดยวิเคราะห์จากสถานการณ์แวดล้อม  เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ ที่ตั้งข้อสังเกตุว่า เครื่องอาจตกเพราะเกิด "ระเบิด"กลางอากาศ แต่เป็นการประเมินจากปัจจัยแวดล้อม ยังไม่มีหลักฐานเป็นวัตถุพยานมายืนยัน

หาก MS804 ถูกลอบนำระเบิดขึ้นไปวางในตัวเครื่อง  จำเป็นต้องมีการทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยสนามบินทั่วโลก  ในรายงานเกี่ยวกับการต่อสู้กับภัยคุกคามการก่อการร้ายของโรเบิร์ต ลิสคูสกี้และวิลเลียม แมคแคน  ระบุว่า กลุ่มก่อการร้ายในเยเมน ซีเรีย และแอฟริกาตะวันออก พัฒนาวิธีการที่จะนำ"ระเบิด"ไปกับ"ผู้โดยสาร" เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด

 

 

ในบทความนี้ระบุว่า  ระบบเอ็กซเรย์หลายมิติถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันการซุกซ่อนระเบิด แต่ปัญหาสำคัญคือ สนามบินหลายแห่งทั่วโลกยังขาดแคลนเทคโนโศยีทันสมัย เช่น เหตุการณ์เมื่อต้นปีนี้ คนงานสนามบินในกรุงโมกาดิชู ของโซมาเลีย สามารถนำแล็ปท็อปที่มีส่วนประกอบของวัตถุระเบิดขึ้นเครื่องบิน ไปส่งต่อให้ชายคนหนึ่งที่เดินทางไปกับสายการบินเตอร์กิช   หลังจากนั้น 20 นาทีระเบิดทำงาน  แต่กัปตันสามารถนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินได้  โดยชายคนที่นำระเบิดซุกซ่อนมาด้วยถูกดูดออกจากเครื่องกลางอากาศ

 

2.ภัยคุกคามจากภายในระบบรักษาความปลอดภัยสนามบิน   

เหตุการณ์ที่สนามบินโมกาดิชู ของโซมาเลีย สะท้อนให้เห็นการคุกคามที่เกิดขึ้นภายในระบบรักษาความปลอดภัยสนามบิน   เช่นเดียวกับเหตุการณ์เครื่องบินเมโทรเจ็ทของรัสเซีย  ตกที่อียิปต์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว   ในการสอบสวนหลังจากนั้นราวเดือนพฤศจิกายน มีการกล่าวหา "พนักงาน"ในสนามบินชาร์ล เดอ โกลของฝรั่งเศสลักลอบนำระเบิดขึ้นไปวางในเครื่องบินโดยสารของรัสเซียก่อนบินมาที่อียิปต์   แต่ระเบิดทำงานหลังจากทีเครื่องบินบินออกจากสนามบินชาร์มเอลชีค เมืองตากอากาศของอียิปต์   โดยไต่เพดานบินในระยะเหมาะสมแล้ว   ทำให้ลูกเรือและผู้โดยสารทั้ง 224 คนเสียชีวิตทั้งลำ   เหตุการณ์นี้กลุ่ม ISIS ออกมาอ้างความรับผิดชอบพร้อมเผยแพร่ภาพระเบิด "กระป๋องโซดา" ซึ่งเป็นระเบิดที่ประกอบขึ้นเอง

ทั้งลิสคูสกี้ และแมคแคนซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำหน่วยความมั่นคงภายในของสหรัฐ ยังเปิดเผยข้อมูลว่า กลุ่มก่อร้ายสามารถเข้าถึง "พนักงานสนามบิน" ได้ง่ายกว่าผู้โดยสารที่ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบอย่างเข้มงวด

ในเหตุการณ์เครื่อง MS804 ตกกลางทะเลเมอดิเตอเรเนียน  เจ้าหน้าที่สหรัฐระบุว่าการสอบสวนจะมุ่งไปยัง "พนักงานภาคพื้นดิน" ที่สามารถเข้าถึงตัวเครื่องบินที่กรุงปารีส  รวมถึง "ลูกเรือ" ด้วย

ยังมีเอกสารจากกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสที่เผยแพร่ในปี 2004  ระบุมีการจับตากลุ่ม "พนักงานสนามบินที่เป็นชาวมุสลิม" บางส่วน โดยมีการขึ้นบัญชีอักษร S ที่อาจเป็นภัยคุกคาม   แต่รายงานฉบับนี้ก็ยอมรับว่า ยากที่จะตรวจสอบพนักงานสนามบินโดยเฉพาะกลุ่มที่เป็น "พนักงานชั่วคราว"

ที่ผ่านมาทางการฝรั่งเศสพยายามหามาตรการในการพนักงานสนามบิน นับแต่รายงานของกระทรวงมหาดไทยถูกเผยแพร่  แต่ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า ระเบิด หรืออาวุธถูกลักลอบนำขึ้นจากสนามบินชาร์ลเดอโกล    เพราะในความเป็นจริงแล้วระเบิดสามารถถูกลักลอบนำขึ้นมาบนเครื่องเมื่อไหร่ก็ได้ 

ถ้าเหตุการณ์ที่เกิดกับ MS840 เป็นไปตามทฤษฎี คำถามสำคัญคือ "ระเบิด" ถูกนำมาซุกซ่อนไว้บนเครื่อง ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ???

มีการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังว่า  เครื่องบินอียิปต์แอร์ลำนี้เดินทางไปหลายประเทศในรอบสัปดาห์  เช่น  ตูนิเซีย , อาริเทรีย , เบลเยี่ยม, ฝรั่งเศส 

ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตุว่า หากระเบิดถูกซุกซ่อนอยู่ในเครื่องบินเป็นเวลานาน ก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะถูกตรวจพบ  แต่หากซุกซ่อนไว้ดีการตั้งเวลาให้ระเบิดทำงานล่วงหน้าก็สามารถทำได้   เช่น ระเบิดที่่โรงแรมในไอร์แลนด์ในปี 1984 ผลการพิสูจน์หลักฐานพบว่า ระเบิดถูกตั้งเวลาไว้ล่วงหน้าเกือบ 1 เดือน

3.ปัญหาทางเทคนิค

สมมติฐานนี้เกิดจากความผิดพลาดทั้งของ "นักบิน" และ"ปัญหาทางเทคนิค"  คำตอบจะกระจ่างชัดต่อเมื่อมีการเก็บกู้ซากเครื่อง และตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์   มีการประเมินจุดตกของเครื่อง MS804  ว่าอยู่ใกล้เกาะในเขตกรีซ  ซึ่งระดับน้ำน่าจะลึกราว 2,000 -3,000 เมตร  ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการค้นหาใต้น้ำ  และขึ้นอยู่กับการกระจัดกระจายของซากเครื่อง

หากเปรียบเทียบกับเหตุการณ์เครื่องบินแอร์ฟรานซ์ตกกลางทะเลในปี 2009  ระหว่างเดินทางจากกรุงริโอ เดอ จาเนโร มายังกรุงปารีส  กว่าจะพบกล่องบันทึกข้อมูลการบิน และกล่องบันทึกเสียง ที่ระดับความลึก ของน้ำทะเลที่ 4,000 เมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ปี

ส่วนเครื่องสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 ที่สูญหายไปอย่างลึกลับเมื่อปี 2013 ยังไม่สามารถหาซากเครื่องได้พบ  เพราะไม่สามารถระบุจุดตกที่แน่นอนของเครื่องลำนี้ได้ 

4.ปัญหาจากตัวนักบิน

สายการบินเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ "กัปตัน" เครื่่องบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบิน MS804  มีชั่วโมงบิน 6,275 ชม. โดยบินเครื่อง A320 มาแล้ว 2,100 ชม. เริ่มทำงานกับสายการบินตั้งแต่ปี 2004   ส่วนนักบินผู้ช่วยมีชั่วโมงบิน  2,766  ชม.

ความทันสมัยของเครื่องบินในยุคปัจจุบัน ช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์   แต่หากเกิดความผิดพลาดกับระบบการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก็เป็นเรื่องยากหากนักบินไม่มีประสบการณ์มากพอ  เช่น เหตุการณ์สายการบินเอเซียน่า  ตกในปี 2013 ผลการสอบสวนสรุปว่าเกิดจากนักบินผู้ช่วยขาดประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

ส่วนโศกนาฎกรรมสายการบิน "เยอรมันวิงส์" เมื่อปี 2015 เกิดจากนักบินผู้ช่วย จงใจล็อคประตูห้องนักบิน  ขังตัวเองอยู่ภายในแล้วบังคับเครื่องพุ่งชนภูเขาแอลป์

ยังมีเหตุการณ์เครื่องบินอียิปต์แอร์  ตกในปี 1999  โดยเครื่องสูญเสียระดับการบินหลังจาก ลดระดับลงมาเหลือ 14,000 ฟุตภายใน 36 วินาที ผลการสอบสวนระบุว่าเกิดจากการใส่ข้อมูลผิดพลาดของนักบินที่ 1 

น่าจับตา "ระยะเวลา" ในช่วง 2-3 นาทีสุดท้ายก่อนเครื่อง MS804  จะหายจากจอเรดาร์   พบว่า  มีการหักเลี้ยว 90 องศาถึง 2 ครั้ง และเครื่องลดระดับลงอย่างรวดเร็วจาก 37,000  ฟุต  เหลือ 15,000 ฟุต   ลงมาที่ 9,000  ฟุต แล้วสัญญาณก็หายไปจากจอเรดาร์อย่างลึกลับ  

ทั้งหมดคือ  4 ทฤษฎี ที่อาจเกิดขึ้นกับ  MS804  โศกนาฏกรรมทางการบินครั้งล่าสุด

 

Source : CNN

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog