ไม่พบผลการค้นหา
หลายคนมองว่า ศาสนาเป็นตัวกำกับชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิด และเติบโต จนถึงจุดจบของชีวิต แล้วคนที่ไม่มีศาสนา เมื่อสียชีวิตไปแล้วจะทำอย่างไร

หลายคนมองว่า ศาสนาเป็นตัวกำกับชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิด และเติบโต จนถึงจุดจบของชีวิต แล้วคนที่ไม่มีศาสนา เมื่อสียชีวิตไปแล้วจะทำอย่างไร

สำหรับผู้นับถือศาสนาจำนวนมาก การบริจาคร่างกายให้ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ หรือให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษาถือเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง แต่สำหรับคนไม่มีศาสนา ชีวิตหลังความตายเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ พวกเขาจึงมองว่าการทำประโยชน์แก่สังคมเป็นครั้งสุดท้ายที่ดูเป็นรูปธรรม และการประชาสัมพันธ์ที่ดีก็ยิ่งทำให้คนได้รับรู้มากขึ้นว่า การบริจาคร่างกายไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

เมื่อเสียชีวิตแล้ว ก็จะมีพิธีรดน้ำขมาศพสำหรับญาติ จากนั้นก็จะการนำอวัยวะไปเปลี่ยนถ่ายให้ผู้ป่วย จะมีกระบวนการรักษาสภาพร่างกาย และเก็บให้นักศึกษาแพทย์ศึกษาแต่ละส่วนของร่างกาย หมุนเวียนกันไปตามหลักสูตร ซึ่งสามารถศึกษาได้นานถึง 2 ปี รวมถึงนำร่างของผู้บริจาคไปฝึกผ่าตัดก่อนที่นักศึกษาแพทย์จะไปปฏิบัติงานจริงกับผู้ป่วย

คนจำนวนมากไม่รู้ว่า แม้จะไม่บริจาคร่างกายให้หน่วยงานต่างๆ คนไม่นับถือศาสนาในไทยก็ยังสามารถเข้าไปใช้ศาสนสถานเพื่อทำพิธีศพได้ ฉะนั้น พิธีศพไม่ใช่ปัจจัยที่จะสามารถบังคับให้คนเราต้องนับถือศาสนาก็ได้ แต่หลายคนก็หวังว่า ในอนาคตจะมีบริการจัดการศพแบบไม่อิงศาสนาเกิดขึ้นในไทย

แม้จะยังไม่มีบริการจัดการศพแบบไม่อิงกับศาสนาในไทย เพราะคนไม่มีศาสนาในไทยยังไม่มาก แต่คนเหล่านี้ก็พยายามแสดงตัวให้คนอื่นได้รับรู้มากขึ้นว่าพวกเขามีตัวตน ซึ่งอาจทำให้คนอื่นๆกล้าประกาศตัวว่าไม่มีศาสนามากขึ้น จนคนมองเห็นโอกาสทางธุรกิจเพื่อรองรับคนไม่มีศาสนาที่จะกลายเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ในอนาคต

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
181Article
60261Video
0Blog