Daily Graphic ประจำวันที่ 9 พฤษภาคม 2559
นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมาในปีค.ศ. 1884 หรือ 132 ปีที่ผ่านมา เกียรติประวัติที่เลสเตอร์ ซิตี้เคยได้รับ มีดังนี้
แชมป์คอมมูนิตี้ชิลด์ หรือแชริตี้ ชิลด์ 1 สมัย แชมป์ฟุตบอลลีกคัพ 3 สมัย แชมป์ฟุตบอลลีกวัน หรือดิวิชั่น 3 เดิม 1 สมัย ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิพ หรือดิวิชั่น 2 เดิม 7 สมัย และล่าสุดกับแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015 – 2016 ซึ่งเป็นแชมป์สมัยแรกและสมัยเดียวของทีม
ในปี 2010 หลังจากการเข้ามาซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของกลุ่มกิจการคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรคนปัจจุบัน ทีมก็มีผลงานดีขึ้นตามลำดับ โดยในฤดูกาล 2010 – 2011 ได้อันดับที่ 10 ในการแข่งขันฟุตบอลลีกแชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2011 – 2012 ได้อันดับที่ 9 ฤดูกาล 2012 – 2013 ได้อันดับที่ 6 และฤดูกาล 2013 – 2014 ได้อันดับที่ 1 เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก โดยฤดูกาล 2014 – 2015 ได้อันดับที่ 14 และฤดูกาล 2015 – 2016 ได้อันดับที่ 1 คว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่
นอกจากแนวทางในการบริหารที่ทำให้ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ประสบความสำเร็จแล้ว วิทยาศาสตร์การกีฬาก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง โดยสำนักข่าวบีบีซี เปิดเผยว่า ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015 – 2016 เลสเตอร์ ซิตี้ มีผู้เล่นบาดเจ็บน้อยที่สุด 12 คน ใช้ผู้เล่นน้อยที่สุด เพียงแค่ 23 คนตลอดฤดูกาล มีผู้เล่นที่วิ่งเร็วที่สุด คือ เจมี่ วาร์ดี้ 35.44 กิโลเมตร/ชั่วโมง คำนวณจากระยะทาง 500 เมตร รวมทั้ง ได้ประตูและมีโอกาสยิงมากที่สุดจากการสวนกลับ โดยเป็นประตู 6 ลูก และมีโอกาสยิง 29 ครั้ง ทั้งหมดนี้ มาจากการใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กประเมินว่า มูลค่าของเลสเตอร์ ซิตี้ หลังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกจะอยู่ที่ 300 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 15,318 ล้านบาท
ตัวเลขรายรับมาจากส่วนต่างๆ คือ จากผู้สนับสนุน 104 ล้านปอนด์ หรือ ประมาณ 5,310 ล้านบาท จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก 72 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 3,676 ล้านบาท จากการถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ไปยัง 200 กว่าประเทศทั่วโลก 99 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 5,050 ล้านบาท เงินรางวัลในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีก 90 ล้านปอนด์ หรือ 4,595 ล้านบาท และกำไรจากผลประกอบการของสโมสร 26 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,327 ล้านบาท
ที่มา
- BBC