หลังเป็นที่สนใจของประชาชนมาเกือบ 2 สัปดาห์ กับเรื่องปมมรดกน้ำพริกแม่ประนอม ล่าสุดทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกัน ทำให้ความบาดหมางคลี่คลายและจบลงด้วยดี

จบลงแบบ Happy Ending สำหรับปัญหาความขัดแย้งในทรัพย์สินมรดกครอบครัวแดงสุภา หลังหม่อมหลวงปนัดดา ดิสกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กาวใจคนสำคัญ ได้เปิดวังวรดิศ ให้แม่ประนอม กับนางศิริพร หรือ อ้อย ลูกสาวคนโต ได้ปรับความเข้าใจกันนานกว่า 2 ชั่วโมง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 เมษายน โดยฝ่ายลูกสาว ยอมปริปากทั้งน้ำตาเป็นครั้งแรกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยละทิ้งความกตัญญูต่อแม่

ขณะที่ผู้อาสาเป็นกาวใจยี่ห้อระดับรัฐมนตรี ที่เคยดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม แสดงความยินดีที่ปัญหาสามารถยุติลงด้วยสายใยของครอบครัว พร้อมอยากให้ความเข้มแข็งของครอบครัวนี้ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นตัวอย่างแก่สังคมไทย

ในส่วนของคดีความ มีทั้งคดีอาญา ที่นางประนอม ยื่นฟ้องนางศิริพร และพวกต่อศาลจังหวัดนครปฐม ในความผิดฐานปลอมลายมือนางประนอม ในฐานะผู้จัดการมรดก โอนที่ดินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท และคดีแพ่ง ที่นางประนอม และนางศิริวัลย์ ลูกสาวคนรอง ฟ้องนางศิริพร และสามี ฐานถือกรรมสิทธิ์ทดแทน เพิกถอนนิติกรรม เรียกค่าเสียหายวงเงินกว่า 500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5 ต่อปี รวมทั้งขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินที่ตั้งโรงงาน ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของนางประนอม และนายศิริชัย สามี และให้โอนคืนหุ้นแก่บริษัท 38,550 หุ้นด้วย

ซึ่งในมุมทนายความของแม่ประนอม ยอมรับว่า หากแม่ประนอมมีความประสงค์จะถอนฟ้อง ก็สามารถทำได้ภายใน 1 วัน โดยไปยื่นคำร้องต่อศาล ซึ่งจะทำให้ ไม่มีการดำเนินคดี

สิ่งที่เกิดขึ้น ยังเป็นดราม่าสะท้อนความจริงในสังคมไทย ซึ่งตรงตามสถิติของกระทรวงยุติธรรมที่ระบุว่า ข้อพิพาททางแพ่ง ส่วนใหญ่ เป็นกรณีที่ดิน ที่เกี่ยวพันกับมรดกครอบครัว อันดับสอง ก็เป็นข้อพิพาทกรณีมรดกโดยตรง ดังนั้น ในทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง ทุกครอบครัว จึงควรมีการทำพินัยกรรมไว้ล่วงหน้า และควรมีข้อตกลงร่วมกันของทายาทว่ามอบให้ใครเป็นผู้ร้องศาลเป็นผู้จัดการมรดก เพราะการยุติความขัดแย้งโดยง่าย ไม่ใช่หวยล็อคที่จะเกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัว