ขณะนี้หลายฝ่าย กำลังกังวลต่อวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีเหนือ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่เพียงแต่เกาหลีเหนือเท่านั้น
ขณะนี้หลายฝ่าย กำลังกังวลต่อวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีเหนือ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่เพียงแต่เกาหลีเหนือเท่านั้น ที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ เพราะชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ รัสเซีย จีน ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร ต่างก็มีอาวุธนิวเคลียร์ทั้งนั้น
การประชุมเรื่องนิวเคลียร์ ที่ประเทศเกาหลีใต้ ในวันที่ 26 - 27 มีนาคมนี้ มีประเด็นสำคัญที่ผู้นำจาก 53 ประเทศทั่วโลก รวมถึงตัวแทนจากองค์การระหว่างประเทศจะต้องหารือกันเป็นพิเศษ นั่นคือ การเฝ้าระวังภัยก่อการร้าย จากการใช้อาวุธนิวคลียร์
ซึ่งก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือประกาศว่า จะส่งดาวเทียมขึ้นไปโคจรรอบโลก เนื่องในวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 100 ของนายคิม อิล ซุง ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ ในช่วงกลางเดือนเมษายนนี้
โดยนานาชาติมองว่า การกระทำดังกล่าว เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของโลก เนื่องจากดาวเทียมดวงดังกล่าว แท้ที่จริงแล้ว คือขีปนาวุธพิสัยไกล ที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์
วิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีเหนือ รวมถึงโครงการพัฒนาสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน จึงเป็นสิ่งที่สร้างความลำบากใจให้กับชาติมหาอำนาจมาโดยตลอด เพราะประเทศยักษ์ใหญ่ ต้องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในความครอบครองของเกาหลีเหนือและอิหร่าน เพราะเป็นภัยคุกคามความมั่นคง
แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศเหล่านั้น กลับมีอาวุธนิวเคลียร์ความครอบครองเอง และปริมาณของการครอบครอง อาจมีมากกว่าจำนวนที่เกาหลีเหนือและอิหร่านมีรวมกันเสียอีก
จากการบันทึกข้อมูลอย่างเป็นทางการของ Nuclear Notebook ที่ตีพิมพ์ใน Bulletin of the Atomic Scientists เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาพบว่า ปัจจุบัน สหรัฐฯและรัสเซีย ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก ซึ่งแม้ว่าจำนวนของหัวรบนิวเคลียร์ที่แต่ละประเทศมีอยู่ จะถูกเก็บไว้เป็นความลับ แต่จากการประมาณการของ Nuclear Notebook ก็พบว่า รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์มากถึง 5,500 ลูก ส่วนสหรัฐฯมี 5,000 ลูก
ส่วนประเทศในยุโรปนั้น มีเพียงสองประเทศเท่านั้น ที่ครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ นั่นก็คือฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร โดยฝรั่งเศสมี 300 ลูก และสหราชอาณาจักรมี 225 ลูก
ขณะที่ ประเทศยักษ์ใหญ่ในทวีปเอเชียอย่างจีนและอินเดียนั้น ก็มีหัวรบนิวเคลียร์เช่นกัน โดยประเทศจีนมีมากถึง 240 ลูก และอินเดียมีประมาณ 80-100 ลูก ส่วนปากีสถานและอิสราเอล มีหัวรบนิวเคลียร์ตั้งแต่ 80 - 110 ลูก
สำหรับเกาหลีเหนือนั้น ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการระบุว่า อาจมีการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์มากกว่า 10 ลูก ส่วนอิหร่านนั้น ในขณะนี้ ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัด เพราะสิ่งที่ตรวจสอบได้ คือโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม ซึ่งอิหร่านอ้างว่า เป็นเพียงแค่โครงการพัฒนาพลังงานอย่างสันติภายในประเทศเท่านั้น
การครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของแต่ละประเทศนั้น อยู่ภายใต้การควบคุมของสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ ที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2513 ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 190 ประเทศ ที่ร่วมเข้าเป็นภาคีของสนธิสัญญาดังกล่าว รวมถึงประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ รัสเซีย จีน สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส
ขณะที่ ประเทศที่ประกาศว่าตนเองมีอาวุธนิวเคลียร์ในความครอบครอง แต่ไม่ยอมลงนามในสนธิสัญญานี้ ก็คือ ปากีสถาน อินเดีย ส่วนเกาหลีเหนือนั้น ได้ลงนามในสนธิสัญญาในปี 2528 แต่ไม่เคยปฏิบัติตามข้อตกลงในสนธิสัญญาเลย จนกระทั่งในปี 2546 ก็ประกาศถอนตัวอย่างเป็นทางการ
สำหรับประเทศอิสราเอลนั้น ยังค่อนข้างมีนโยบายที่คลุมเครือเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และยังไม่ประกาศแน่ชัด ว่าตนเองครอบครองอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่
Produced by VoiceTV