ไม่พบผลการค้นหา
ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ เตรียมเชิญชาวต่างชาติ และ รปภ.บีทีเอส สอบ หลังทั้ง 2 ฝ่าย แจ้งความดำเนินคดี

ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ เตรียมเชิญชาวต่างชาติ และ รปภ.บีทีเอส สอบ หลังทั้ง 2 ฝ่าย แจ้งความดำเนินคดี พร้อมเตรียมประสาน กระทรวงไอซีที หาตัวมือโพสต์ยูทูป สอบในฐานะพยาน

 

พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ กล่าวถึงกรณี มีการโพสต์คลิป ชายชาวต่างชาติ ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัย รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีพร้อมพงษ์ ทำร้ายร่างกาย ที่กำลังโลดแล่นในโลกของยูทูป ขณะนี้ว่าล่าสุดทางคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ทองหล่อ แล้ว ขั้นตอนต่อไปเตรียมจะเรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมถึงเตรียมประสานกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT เพื่อติดตามคนที่โพสต์คลิปในยูทูป มาสอบสวนในฐานะพยานที่เห็นเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ เปิดเผยอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งตนได้เห็นคลิปทางยูทูปแล้ว เข้าใจว่าน่าจะเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดกันมากกว่า จนทำให้เกิดปัญหาขึ้น

 

 

 

โดยก่อนหน้านี้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในอินเทอร์เน็ต หลังจากมีผู้ใช้นามแฝงว่า DrummondinBangkok โพสต์คลิป "Bloodied foreigner at BTS" ความยาว 3.30 นาที ในเว็บไซต์ยูทูป ปรากฏให้เห็นภาพของชายชาวต่างชาติคนหนึ่งถูก พนักงานของสถานีรถไฟฟ้า BTS เรียกตัวไว้ไม่ให้เข้าไปภายในสถานี แต่ชายคนดังกล่าวพยายามอาละวาด กระทั่งทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือกับ รปภ. จนชายชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บ และมีพนักงาน รวมทั้งเพื่อนของชายชาวต่างชาติเข้ามาห้ามไว้

 

ทั้งนี้ คลิปดังกล่าวได้สร้างความสงสัยให้กับผู้ที่เห็นเป็นอย่างมากว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นในสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์วันนั้น จนมีคนนำเรื่องดังกล่าวไปสอบถามใน เว็บบอร์ดของรถไฟฟ้า BTS ในหัวข้อ "เกิดอะไรขึ้นที่ BTS พร้อมพงษ์เวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง"

 

จากนั้น ได้มีผู้ใช้ชื่อล็อกอินว่า "หนูด่วน" ซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรถไฟฟ้า BTS เข้ามาโพสต์ข้อความชี้แจงว่า

 

"เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้โดยสารชาวต่างชาติถือลูกโป่งหลายใบ ต้องการเข้าระบบและไม่จ่ายเงินซื้อตั๋วโดยสาร โดยลักลอบเดินเข้าไปข้างในระบบ เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อห้ามที่ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารนำลูกโป่งทุกชนิดเข้าสู่ระบบได้ไม่เกินท่านละ 1 ใบ และต้องเป็นลูกโป่งที่ไม่มีขนาดใหญ่จนกีดขวางหรือเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของผู้โดยสารท่านอื่น ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและไม่กีดขวาง หรือเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของผู้โดยสารท่านอื่น ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงตัองเข้าไปชี้แจงและตักเตือน แต่ผู้โดยสารชาวต่างชาติไม่ยอมรับฟัง และทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการควบคุมสถานการณ์ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมา ดังนั้นรปภ.จึงจำเป็นจะต้องรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และป้องกันตนเองครับ โดย หนูด่วน"

 

ขณะที่ในเว็บไซต์หลายแห่ง ก็ได้มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า เห็นชายชาวต่างชาติซึ่งมากับภรรยา ลูกสาว และเพื่อนอีกคน ยืนเถียงอยู่กับพนักงานที่กำลังอธิบายว่า ไม่อนุญาตให้นำลูกโ���่งเข้าไปภายในสถานีได้ แต่ชายชาวต่างชาติกลับไม่ฟัง และอาละวาดอย่างรุนแรง ด้วยแววตาและน้ำเสียงดุดัน กระทั่งจะทำร้ายพนักงานผู้หญิง ทำให้ รปภ.ของสถานีรถไฟฟ้าใช้กระบองตีชายต่างชาติคนนั้น พร้อมกับยืนยันด้วยว่า ก่อนที่ชายชาวต่างชาติจะมีเรื่องกับพนักงานบนสถานีรถไฟฟ้าก็ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตามาก่อนหน้านั้นแล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะ รปภ.ทำร้ายชายต่างชาติจนเลือดอาบอย่างที่คนวิจารณ์กัน

 

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ก็ได้มีผู้ใช้ชื่อล็อกอินว่า Zvezdy โพสต์กระทู้ จากใจภรรยาและแม่ ที่สามีถูกรปภ.BTS รุมทำร้ายต่อหน้าลูก! ในเว็บไซต์พันทิป อธิบายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดังนี้

 

มาโพสแทนพี่สาวเจ้าของเรื่องค่ะ

 

ขออภัยถ้าผิดห้อง เพราะอยากให้ทุกคนรับทราบ และถ้าใครมีรูปถ่ายที่เห็น หรืออยู่ในเหตุการณ์ หรือรู้จักผู้อยู่ในเหตุการณ์ ขอความกรุณาท่านติดต่อมาเผื่อขอรูปถ่ายเหล่านั้นไว้เป็นหลักฐาน ขอบคุณมากค่ะ

 

ด้วยดิฉัน พัชรมาศ ภู่ศรี เป็นภรรยาของนาย จอห์น บีฮัน (Mr. John Behan) สัญชาติไอร์แลนด์ และมารดาของเด็กหญิง เขตมณี บีฮัน อายุ 7 ปี ซึ่งเป็นผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS ในวันที่ 16 มีนาคม 2555 และได้เห็นเหตุการณ์ที่สถานีพร้อมพงษ์ ขณะไปที่เกิดเหตุหลังจากได้รับโทรศัพท์แจ้ง

 

- สามีในสภาพเลือดไหลโชกที่ศีรษะ หัว และเสื้อเชิ้ต แต่มือยังถือช่อตุ๊กตาหมีสีชมพู และลูกโป่งจำนวน 4 ลูก กระเป๋านักเรียนของลูกสาวและกระเป๋าตัวเอง พื้นของสถานีเลอะไปด้วยเลือด

 

- ลูกสาวในชุดนักเรียนอนุบาลที่เปื้อนเลือด ร้องไห้ สีหน้าตกใจและเสียขวัญอย่างที่สุด

 

- เพื่อนของสามีซึ่งเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนเดียวกัน (และได้อุ้มลูกสาวของดิฉันไว้ในขณะที่สามีถูกรุมทำร้าย)

 

- ชายชาวต่างชาติได้มายืนอยู่เป็นเพื่อนสามี โดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด (ให้ E-mail ไว้และยังติดต่อมาถามถึงอาการบาดเจ็บด้วยความห่วงใย) ได้ช่วยเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปโรงพยาบาลสมิติเวชให้

 

- รอบตัวรายล้อมด้วยเจ้าหน้าที่และรปภ.ของ BTS พร้อมพงษ์ จำนวน 8-10 คนมีผู้โดยสารที่อยู่ในบริเวณรถไฟฟ้าบางท่านเห็นเหตุการณ์และถ่ายรูปไว้ เมื่อไปถึงได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น พนักงานของรถไฟฟ้าผู้หนึ่งแจ้งว่าชายชาวต่างชาติคนนี้อาละวาด ทำลายข้าวของ ทำร้ายพนักงานรปภ. และได้แจ้งตำรวจแล้ว ตำรวจก็มาแล้ว บอกให้กลับไปก็ไม่ไป ถ้าไม่ไปจะแจ้งตำรวจมาจับ ติดคุกนะ ตำรวจก็บอกให้กลับไปเห็นมั้ย! มีคนมุงดูกันใหญ่

 

- สามีจะพูดอธิบาย แต่ดิฉันได้ขอร้องให้เขาไปโรงพยาบาลก่อนเพื่อห้ามเลือด ซึ่งมองเห็นรอยแตกชัดเจน รอยแตกบวมจนเป่งปิดนัยตา แทบมองไม่เห็น ฉันช่วยเขาถือกระเป๋านักเรียนของลูก ช่อตุ๊กตาหมี ลูกโป่ง แต่เขายังยืนยันจะถือกระเป๋าตนเอง และเมื่อไปถึงโรงพยาบาล เขาอุ้มลูกและปลอบใจลูกสาวว่าไม่เป็นไร พ่อไม่เป็นไร ลูกสาวได้พูดบอกเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลว่า พ่อถูกรุมทำร้าย พ่อสู้ไม่ได้ ตั้งหลายคนรุมตีพ่อ หนูตกใจมาก ร้องไห้ ร้องบอกให้หยุด หยุดตีพ่อ ช่วยด้วย ช่วยพ่อด้วย เรียก daddy ซ้ำ ๆ.. เลือดสามีไหลมากๆ ลูกสาวจะไม่ยอมห่างพ่อเลย แม้นางพยาบาลจะไม่อยากให้เข้าห้องปฐมพยาบาล แต่ก็ใจด่อนให้เข้าไปส่งพ่อได้และให้ออกมารออยู่ด้านนอก

 

- จากนั้นทำเรื่องย้ายขากโรงพยาบาลสมิติเวช มาโรงพยาบาลตำรวจ วันที่ 17 มีนาคม 2555 จึงได้มาลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ และได้ทราบว่ารปภ.ของรถไฟฟ้า BTS ได้มาแจ้งความว่าถูกชาวต่างชาติทำร้ายร่างกายไว้แล้วเมื่อ 16 มีนาคม 2555 เวลา 19.30 น.

 

- ดิฉันจึงขอแจ้งความเพื่อขอดู CCTV ที่บก.สยาม

 

- ไปดู CCTV ที่บก.สยาม กับสามี (Mr. John Behan) ลูกสาว (เด็กหญิง เขตมณี บีฮัน) คุณแม่ดิฉันและเพื่อนรวม 5 คน ซึ่งได้ดูการขึ้นลง-เข้าออก BTS ของสามีกับลูกสาว ตั้งแต่สามีไปรับลูกสาวที่โรงเรียน พามาขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีสุรศักดิ์ – เปลี่ยนเส้นทางที่สถานีสยาม ขึ้นรถที่สถานีสยาม มาลงที่สถานีพร้อมพงษ์ ออกไปร้านอาหารเพื่อแสดงความยินดีกับลูกสาวในวันจบการศึกษา ชั้นอนุบาลสาม โดยทานอาหารกับลูกสาวและเพื่อนของสามีซึ่งเป็นครูชาวต่างประเทศที่สอนอยู่ในโรงเรียนเดียวกันกับสามี 

 

จากนั้นพาลูกมาขึ้นรถที่สถานีพร้อมพงษ์ เพื่อกลับบ้านที่สถานีอารีย์ แต่รปภ.บอกว่าเอาลูกโป่งไปไม่ได้ ห้ามเอาลูกโป่งขึ้นรถไฟฟ้าเกิน 1 ใบ สามีได้พยายามอธิบายว่าวันนี้เป็นวันจบการศึกษาชั้นอนุบาล 3 ของลูกสาว เป็นของขวัญ ของแสดงความยินดีที่คุณครูและผู้ปกครองของเพื่อนให้ลูกสาวมา มีความสำคัญมากต่อจิตใจของลูก ขอความกรุณาให้นำไปด้วย แต่รปภ.ไม่ยินยอม ไม่เข้าใจถึงความสำคัญของลูกโป่ง ถึงอย่างไรก็ให้ผ่านไปไม่ได้

 

สามีพยายามอธิบายว่าผ่านขึ้นลงมาตั้งหลายสถานีไม่เห็นมีอะไร ก็ผ่านมาได้ จนจะเดินทางกลับบ้านแล้ว ทำไมจึงจะเอาลูกโป่งไปไม่ได้? พนักงานสถานีออกมาบอกว่าจะผ่านไปต้องเอาลูกโป่งทิ้งถังขยะ สามีไม่ทิ้งและพยายามจะผ่านเข้าทางพิเศษสำหรับผู้พิการ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอม มีการฉุดดึง เสียงดัง และสามีเหวี่ยงลูกโป่งลงถังขยะ และเตะถังขยะสีดำล้มคว่ำ ลูกโป่งลอยเข้าไปในสถานี แม่บ้านโยนออกมา ผ่านเข้ามาได้ และขึ้นบันได

 

ตอนกำลังจะเข้าไปในตัวรถไฟฟ้า ถูกกระชากออกมาจากตัวรถไฟฟ้า มีลูกสาวยืนอยู่ติดกัน เห็นรปภ.และเจ้าหน้าที่รถ BTS พร้อมพงษ์ รุมทำร้ายร่างกาย กระหน่ำตี!!

 

ขอถามว่า :

 

1. มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของคุณ (รถไฟฟ้า BTS) มีอย่างไร? ทำไมแต่ละสถานีไม่เหมือนกัน ทำไมถ้าลูกโป่งเอาขึ้นรถไฟฟ้าเกิน 1 ลูกไม่ได้ แต่สถานีสุรศักดิ์ เดินสวนกับรปภ. ก็ไม่เห็นมาอธิบายหรือห้ามแต่อย่างใด จนมาถึงสถานีสยาม และขาออกสถานีพร้อมพงษ์ ก็ไม่ถูกห้าม สามารถออกได้เหมือนผู้โดยสารปกติ

 

2. มาตรฐานการระงับเหตุในแต่ละระดับความร้ายแรง

 

2.1 สามีไม่มีอาวุธใด ๆ ไม่ได้เมาสุรา มากับลูกสาวในวันแห่งความยินดี

 

2.2 การระงับเหตุหากคุณเพียงล็อกตัว หรือถ้าอาละวาดไม่หยุด คุณใส่กุญแจมือ แล้วเรียกตำรวจมาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ถ้าทำลายข้าวของหรือทรัพย์สินของ BTS ก็จะสมควรแก่เหตุ แต่ทำไมต้อง

 

• ทุบตีด้วยเครื่องตรวจอาวุธที่เป็นโลหะ มิใช่กระบองที่เป็นอุปกรณ์ประจำตัวของรปภ.ในการรักษาความปลอดภัย

 

• ทุบตีเกินสมควรแก่เหตุ ต่อหน้าต่อตาลูกสาว ซึ่งเป็นการกระทำที่รุนแรงต่อจิตใจของลูกสาวอย่างที่สุด ถ้าคุณเห็นใครรุมตีบุพการีของคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร?

 

(โปรดอธิบาย ขอคำอธิบายถึงสภาพจิตใจของคุณด้วยอย่างละเอียด เพื่อคุณจะได้เข้าใจถึงจิตใจลูกสาวของดิฉันที่เห็นพ่อถูกรุมทุบตีจากรปภ.และเจ้าหน้าที่ของคุณว่าเจ็บปวด ทรมาน เพียงใด ร้องไห้ขอให้คนช่วยพ่อ ห้ามให้หยุดตีพ่อ พ่อที่ทำหน้าที่พ่อถือดอกไม้แสดงความยินดี ช่อลูกหมี ลูกโป่งให้ลูก แล้วพ่อผิดมากมายถึงขั้นต้องทุบตีขนาดนี้เลยหรือ? (ช่วยตอบคำถามของเด็กหญิงอนุบาล 3 อายุ 7 ปีด้วยค่ะ ว่าพ่อหนูทำผิดมากขนาดนั้นเลยหรือ?)

 

หนูรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดมาก ๆ ที่ให้พ่อช่วยถือให้ ทำให้พ่อถูกรุมตี หนูกลัวพ่อเจ็บ กลัวพ่อตาย และคิดว่าถ้าหนูถือเองเขาจะรุมตีหนูไหม? Daddy จะช่วยเขตมณีสู้ได้มั้ย เขาจะตีหนูแบบที่ตีพ่อไหม?! หรือว่าพ่อหนูผิดยิ่งกว่าผู้ก่อการร้ายที่แม้แต่ตำรวจยังป้องกันในการทำแผนไม่ให้โดนประชาชนรุมทำร้าย แล้วพ่อหนูทำอะไร? มีวาวุธอะไร? ทำไมถึงทำกับ daddy แบบนี้?

 

บาดเจ็บร่างกายรักษาแล้วหายได้ บาดเจ็บจากจิตใจจะทำอย่างไร? และถ้าการตีหรือเครื่องตรวจโลหะนั้นพลาดมาตีโดนลูกสาวดิฉัน คุณจะทำอย่างไร? ใครจะรับผิดชอบ?

 

2.3 หากสามีของดิฉันต้องพิการหรือตาย เพราะการรักษาความปลอดภัยของคุณ ใครคือคนที่จะต้องรับผิดชอบ เพราะสามีของดิฉันเป็นผู้นำของครอบครัว คำพูดที่เจ้าหน้าที่พูดว่าสามีทำร้ายร่างกายรปภ.ก็เป็นการโกหกต่อหน้าเด็ก และยังรายงานเท็จต่อผู้บริหาร แจ้งความเท็จต่อสถานีตำรวจ เช่น

 

 - ผู้โดยสารอาละวาด ทำลายข้าวของ

- ผู้โดยสารทำร้ายรปภ. บีบคอ รปภ.

 - ผู้โดยสารไม่ชำระค่าโดยสาร

 

ที่แจ้งเท้จเพื่อให้สถานีพร้อมพงษ์เป็นฝ่ายถูก ผู้โดยสารเป็นฝ่ายผิด และยังไร้มนุษยธรรม ไม่เรียกหน่วยปฐมพยาบาลมาช่วยห้ามเลือด ทำแผลให้ในระหว่างรอภรรยามาที่สถานี (ถ้าดิฉันไม่ได้อยู่ในกทม. สามีคงเลือดไหลไม่หยุด และอาจเป็นอันตรายถึงเสียชีวิต)

 

ดิฉันเห็นแล้วสงสารสามี สงสารลูกสาวมาก สงสารสุดใจ ไม่คิดว่าการตัดสินใจพาครอบครัวเดินทางกลับมาอยู่ประเทศไทย (บ้านเกิด) จะทำให้สามีต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ แบบที่ไม่คิดว่าจะเกิดได้กับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่เป็นผู้โดยสารแบบซื้อตั๋วโดยสารรายเดือน เป็นผู้โดยสารมาตั้งแต่มาอยู่ประเทศไทย มีใบอนุญาตทำงาน เป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง ที่ต้องเดินทางไปกลับด้วยรถไฟฟ้าประจำจากบ้านที่สถานีอารีย์ สถานีสุรศักดิ์ ฯลฯ แต่กลับมาถูกกล่าวหาจากสถานีพร้อมพงษ์ว่าผ่านโดยไม่ชำระค่าโดยสาร ซึ่งนอกจะถูกทำร้ายร่างกายแล้ว ยังมาหมิ่นประมาทดูถูกว่าค่าโดยสารก้ไม่จ่าย ซึ่งขอชี้แจงว่า ขอให้ทำการตรวจสอบตั๋วเดือน และตั๋วโดยสารของลูกสาวที่ซื้อผ่านเข้าสถานีพร้อมพงษ์ก็ยังไม่ได้ผ่านออก (ตอนนี้ก็ยังเก็บไว้เป็นที่ระลึก 16 มีนาคม 2555 รถไฟฟ้ามหาโหด)

 

พร้อมกันนี้ คุณ Zvezdy ได้ระบุในตอนท้ายด้วยว่า จำเป็นต้องออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว เพราะในเว็บบอร์ดของ BTS มีการชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างผิด ๆ

 

อย่างไรก็ตามมีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาตอบกระทู้ดังกล่าว โดยส่วนใหญ่ให้กำลังใจ พร้อมกับระบุว่า หาก รปภ.รุมทำร้ายชายชาวต่างชาติจริง ก็เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แต่ถึงกระนั้น ก็เป็นคนละประเด็นกับกฎระเบียบที่ห้ามนำลูกโป่งเข้าภายในสถานีรถไฟฟ้า เนื่องจากลูกโป่งเป็นแก๊ส และถือเป็นสิ่งของอันตราย ที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ ส่วนกรณีที่ รปภ. สถานีอื่น ไม่ได้ห้ามนำลูกโป่งเข้าไปนั้น ถือเป็นความบกพร่องของ รปภ.ประจำสถานีนั้นที่ไม่รักษามาตรฐานความปลอดภัย

 

Source : News Center / INN , Kapook , Youtube /bangkokbiznews.com

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog