ไม่พบผลการค้นหา
5 ปีผ่านไปหลังจากวิกฤตแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น การฟื้นฟูอาคารบ้านเรือนยังดำเนินต่อไป และเป็นโอกาสให้มีการพัฒนาศักยภาพการรองรับภัยธรรมชาติให้ดียิ่งขึ้น เช่นการสร้างโรงงานที่สามารถกลายเป็นศูนย์รองรับผู้อพยพได้ทันทีหากเกิดภัยพิบัติ

5 ปีผ่านไปหลังจากวิกฤตแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น การฟื้นฟูอาคารบ้านเรือนยังดำเนินต่อไป และเป็นโอกาสให้มีการพัฒนาศักยภาพการรองรับภัยธรรมชาติให้ดียิ่งขึ้น เช่นการสร้างโรงงานที่สามารถกลายเป็นศูนย์รองรับผู้อพยพได้ทันทีหากเกิดภัยพิบัติ 

11 มีนาคม 2011 เป็นวันที่ชาวญี่ปุ่นเผชิญภัยธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดเท่าที่ประเทศเคยประสบเหตุ แผ่นดินไหวขนาด 9 ตามด้วยสึนามิซัดเข้าชายฝั่งโทโฮขุ ทำลายอาคารบ้านเรือนเสียหาย และก่อให้เกิดเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะระเบิด โศกนาฏกรรมครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 16,000 ราย และสูญหายอีกกว่า 2,500 คน ขณะที่คนหลายแสนยังไม่สามารถกลับเข้าไปพำนักอาศัยในที่อยู่เดิมได้

แม้ว่าตัวเลขผู้ประสบภัยจะน้อย เมื่อเทียบกับระดับความร้ายแรงของแผ่นดินไหวและผลที่ตามมา อันเนื่องมาจากญี่ปุ่นมีกฎหมายเข้มงวดในการควบคุมการก่อสร้างอาคารเพื่อรองรับภัยพิบัติ และมีระบบกู้ภัยที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลก็พยายามบูรณะฟื้นฟูเมือง โดยไม่เพียงคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยตามปกติเท่านั้น แต่ยังมองหาช่องทางในการพัฒนาศักยภาพด้านการรับมือภัยพิบัติของอาคารสร้างใหม่เหล่านี้ด้วย
        
เมืองริคุเซนทาคาตะ เมืองท่าของจังหวัดอิวาเตะ เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับความเสียหายจากสึนามิปี 2011 มากที่สุด คลื่นยักษ์ขนาด 8 เมตรซัดทำลายอาคารบ้านเรือน 3 ใน 4 ของเมืองจนเสียหายเกินจะอยู่อาศัย ขณะที่เมืองชิกามะ ซึ่งอยู่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว กลับไม่ได้รับความเสียหายมากนัก เพราะไม่ได้ถูกคลื่นสึนามิซัด แต่รัฐบาลท้องถิ่นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในด้านการเตรียมพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ โดยการร่วมมือกับบริษัทเซกิซุย ผู้ประกอบการด้านก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัย ปรับเปลี่ยนพื้นที่ในโรงงานของเซกิซุยเป็นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้อพยพ ซึ่งสามารถรองรับคนได้ 250 คน และทุกคนสามารถใช้ชีวิตในศูนย์พักพิงชั่วคราวนี้ได้นานถึง 7 วัน โดยมีพร้อมทั้งน้ำ อาหาร พลังงาน และสิ่งอำนายความสะดวกครบครัน

หัวใจสำคัญของการสร้างศูนย์พักพิงผู้อพยพ ไม่ใช่เพียงการมีอาคารที่แข็งแกร่งทนทานต่อแรงแผ่นดินไหวเท่านั้น แต่ยังต้องมีพลังงานพอเพียงด้วย ศูนย์พักพิงในโรงงานแห่งนี้ มีแหล่งกำเนิดพลังงานถึง 3 แหล่ง ได้แก่โซลาร์เซล แบตเตอรี่ และแก๊ส จึงมั่นใจได้ว่าสามารถผลิตพลังงานสำหรับผู้อพยพได้ในทุกสถานการณ์

ตามปกติแล้วการจัดเตรียมศูนย์พักพิงเพื่อรองรับภัยพิบัติที่เตรียมพร้อมเช่นนี้ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายและบำรุงรักษาสูง แต่สำหรับโรงงานแห่งนี้ ระบบในศูนย์พักพิงผู้อพยพถูกจัดการให้สามารถใช้จ่ายพลังงานในโรงงานได้ด้วย ทำให้ต้นทุนการดูแลศูนย์พักพิง หักกลบลบหนี้กันได้กับการลดรายจ่ายด้านพลังงานในโรงงาน

แม้ว่าศูนย์พักพิงแห่งนี้จะยังไม่เคยถูกใช้งานเลยตั้งแต่ก่อตั้งขึ้น แต่รัฐบาลท้องถิ่นก็ยืนยันว่าการมีศูนย์รองรับผู้อพยพยามเกิดภัยพิบัติที่เพียบพร้อมเช่นนี้ ส่งผลดีต่อสภาพจิตใจของชาวเมืองมาก หลังจากความสูญเสียจากแผ่นดินไหวเมื่อ 5 ปีก่อน ชาวเมืองชิกามะก็รู้สึกมั่นใจและปลอดภัยขึ้นอย่างมาก เพียงแค่ได้รับรู้ว่าหากเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรงขึ้นอีก พวกเขามีสถานที่หลบภัยที่อบอุ่นปลอดภัยไม่แพ้บ้านของตัวเอง
     

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog