ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะประเด็นเรื่องปราสาทพระวิหาร เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน และทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถหาทางออกได้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงได้จัดเวทีเสวนาสาธารณะ โดยเชิญนักวิชาการ ของไทยและกัมพูชา มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เวทีเสวนาเรื่อง "ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา: ปัญหาและทางออก" ซึ่งจัดโดยวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการถกเถียงกัน ถึงสาเหตุ สภาพของปัญหา และแนวทางการแก้ไขความขัดแย้งไทย-กัมพูชา จากข้อพิพาทเรื่องเขาพระวิหารและเขตแดนโดยรอบ
นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิบการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ว่า ความขัดแย้ง 2 ประเทศ เกิดขึ้นจากลัทธิชาตินิยม โดยนักการเมืองทั้ง 2 ประเทศ จงใจหยิบประเด็น เขาพระวิหารขึ้นมาปลุกกระแสชาตินิยม เพื่อสร้างความชอบธรรมทางการเมือง และเพิ่มคะแนนนิยมให้กับตัวเอง โดยเฉพาะในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ประวัติศาสตร์ ยังเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับความขัดแย้ง และการแย่งชิงดินแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงถูกนำมาเป็นเครื่องมือปลุกกระแสชาตินิยม จนกระทบความสัมพันธ์ 2 ประเทศ นายชาญวิทย์ จึงเสนอให้ทั้ง 2 ฝ่าย รู้จักเรียนรู้ประวัติศาสตร์อย่างถูกต้อง เลือกจำประวัติศาสตร์ในแง่ดี และลืมประวัติศาสตร์ในแง่ลบ ที่ส่งผลถึงปัจจุบัน
ในเวทีเสวนา ยังเสนอทางออกของปัญหา โดยยกกรณีประเทศเยอรมนีและโปแลนด์ ประกาศให้อุทยานมุสเคา เป็นมรดกโลกร่วมกัน และเป็นมรดกของยุโรป ซึ่งประเด็นนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ มรกต เจวจินดา ไมเออร์ เสนอให้ไทยและกัมพูชา ทำแบบเดียวกันในกรณีของปราสาทพระวิหาร เพื่อแสดงถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่มีอยู่ในอาเซียน
ขณะที่นายพู โสธิรัก อดีตเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศญี่ปุ่น เสนอว่า การแก้ปัญหา มี 3 แนวทาง ได้แก่ การเจรจาทวิภาคี ผ่านกลไกที่มีอยู่ เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมหรือเจบีซี ซึ่งจำเป็นต้องหาข้อตกลงที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย แนวทางที่ 2 คือ กลไกในระดับภูมิภาค หรือกรอบอาเซียน ซึ่งทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะไทย ควรยอมให้อาเซียนเข้ามามีบทบาทมากกว่านี้
ส่วนแนวทางสุดท้าย คือ กลไกระดับนานาชาติ โดยเฉพาะสหประชาชาติและศาลโลก ซึ่งไทยและกัมพูชาควรเคารพและปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลก เพื่อยุติข้อขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนาน
สำหรับ แนวโน้มการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ประเทศสิงคโปร์ เชื่อว่า รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้จัดให้ปัญหาไทย - กัมพูชา เป็นนโยบายเร่งด่วน และอาจประวิงเวลาไม่ให้กระแสชาตินิยมกลับมาทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาล เหมือนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
Produced by VoiceTV