ไม่พบผลการค้นหา
การจากไปของบุคคลอันเป็นที่รัก นำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจ ร่างกายและจิตใจจะต้องรับมือกับความสูญเสีย ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ วิธีรับมือกับความสูญเสียง่ายๆ คือการคิดบวก การยอมรับความเป็นจริง

การจากไปของบุคคลอันเป็นที่รัก นำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจ ร่างกายและจิตใจจะต้องรับมือกับความสูญเสีย ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ วิธีรับมือกับความสูญเสียง่ายๆ คือการคิดบวก การยอมรับความเป็นจริง 

นพ.เจษฎา ทองเถาว์ แพทย์เฉพาะทางสาขาจิตเวชศาสตร์ โพสต์ภาพพร้อมบทความผ่านเพจ 'คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา' เรื่องจิตวิทยาของความคิดถึง เมื่อชีวิตต้องพบกับการจากลาที่ไม่มีทางหวนกลับ โดยมีรายละเอียดส่วนหนึ่งดังนี้

ทฤษฎีการปรับตัวเมื่อเกิดความสูญเสีย (The 5 Stages of Grieving) จิตใจของเราจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น 5 แบบ ได้แก่ 

ระยะที่ 1 'ตกใจและไม่เชื่อ'
เมื่อต้องพบกับการจากลา ในระยะแรกๆ เราจะเกิดความรู้สึก 'ตกใจ' และ 'ไม่เชื่อ' อาจจะงงๆมึนๆหน่อยๆ อาการนี้เกิดขึ้นภายในเวลาเป็นชั่วโมงหรือหลายวัน

ระยะที่ 2 'โกรธแค้นและรู้สึกผิด'
เมื่อต้องพบกับการจากลา 'ความโกรธ' เป็นอีกหนึ่งอารมณ์ที่เกิดขึ้น 'โกรธว่าทำไมต้องเป็นฉัน' 'ไม่ยุติธรรมเลย' โกรธตัวเอง โกรธหมอ โกรธครอบครัว โกรธเพื่อน โกรธคนที่เรารัก โกรธโชคชะตา หลายๆคนเกิด 'ความรู้สึกผิด' 'ผิดที่ฉันยังไม่ได้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้' 'ผิดที่ฉันยังไม่ได้พูดอะไรกับคนที่เพิ่งตายไป' 'ฉันน่าจะช่วยไม่ให้เขาตาย' (ถึงแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าที่จริงแล้วความตายอยู่นอกเหนือการควบคุม) ระยะนี้กินเวลาประมาณ 2 สัปดาห์

ระยะที่ 3 'ต่อรอง'
เมื่อต้องพบกับการจากลา เราจะมีปฏิกิริยา 'ต่อรอง' เป็นระยะที่อยากต่อรองกับความตายและความสูญเสีย อยากจะขอเลื่อนเวลาออกไปเพื่อที่จะปรับปรุงวิถีชีวิตใหม่ 'ฉันจะยอมทำทุกอย่างขอเพียงพรุ่งนี้ตื่นมาพบว่านี่เป็นแค่ฝันร้าย' 'ฉันสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวแต่ได้โปรดให้เขามีชีวิตอยู่ต่ออีกสักระยะหนึ่งเถิด' 'ถ้าเพียงวันนั้นฉันทำอย่างนั้น'

ระยะที่ 4 'ซึมเศร้า'
เมื่อต้องพบกับการจากลา 'ความเศร้าโศก' เป็นระยะที่จิตใจซึมเศร้า ไม่มีเรี่ยวแรง มีอาการแยกตนเอง พูดน้อยลง มองโลกในแง่ลบ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ (หลายคน)คิดอยากตาย จิตใจว่างเปล่า รู้สึกกระสับกระส่าย คิดถึงและถวิลหาผู้ที่จากไป อยากพบแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ทำให้ฟุ้งซ่าน ฝันร้าย บางคนรู้สึกว่าเขาพบคนที่เขารักและตายไปแล้วทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นถนน สวน รอบบ้าน ทุกที่ที่เขาเคยอยู่ด้วยกัน 

ระยะนี้อาจกินเวลานานประมาณ 4-6 สัปดาห์ หลายคนอาจปล่อยเวลาไปกับการนั่งนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไร ที่จริงแล้วเขากำลังคิดถึงผู้ที่จากไป ความคิดถึงนี้จะมีทั้งภาพความสุขและภาพในด้านลบ ปรากฏการณ์นี้ดำเนินไปอย่างเงียบๆ แต่เป็นส่วนที่จำเป็นในการทำใจ

ระยะที่ 5 'การยอมรับ' (Acceptance) เป็นจุดที่เราสามารถยอมรับความเป็นจริงได้ และพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น อาจจะสุขๆทุกข์ๆบ้าง แต่จะสามารถวางใจให้เป็นกลางได้มากขึ้น มองอนาคตได้มากขึ้น สามารถอยู่กับความว่างเปล่าได้อย่างไม่ทุรนทุราย นั่นคือ ภาพรวมของผู้ที่สามารถก้าวผ่านวิกฤตของความสูญเสีย

ทั้ง 5 ระยะอาจเกิดแบบไม่มีลำดับ ระยะไหนเกิดก่อนก็ได้ และไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นครบทุกขั้นตอน แต่ต้องลงท้ายด้วยการยอมรับได้เสมอ

เมื่อต้องพบกับการจากลา สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกสุด คือ การพยายามประคองสติไว้ให้ดีที่สุด พยายามอยู่กับสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันให้ได้ หากพบว่าตนเองเริ่มจะไม่ไหว การได้ระบายออกทางจิตใจไม่ว่าทางใดทางนึงจะทำให้เราคลายความทุกข์ใจไป จำไว้ว่าการร้องไห้เป็นเรื่องปกติ และเราสามารถเสียใจได้อย่างเต็มที่ หากมีเพื่อนหรือผู้ที่ไว้ใจก็สามารถพูดระบายความรุ้สึกได้ หรือจะใช้วิธีเขียนบันทึกเพื่อระบายความในใจก็ได้เช่นกัน ที่สำคัญคือ  ไม่ควรอยู่คนเดียวให้มากนัก  พยายามใช้เวลาอยู่กับเพื่อน  หรือทำตัวให้ยุ่งๆไว้ก่อนในช่วงนี้ หากิจกรรมทำ  เช่น เข้าวัด ฟังธรรม หรือการทำบุญใส่บาตร ที่สำคัญคือเรา 'ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบที่จะลืม' เพราะโดยธรรมชาติของกลไกการเยียวยาทางจิต เมื่อเวลาผ่านไปความเจ็บปวดจะค่อยๆจางลงได้เอง เราจะเริ่มคิดถึงสิ่งอื่นๆ คิดถึงอนาคต อาจสามารถสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ หรือสนใจสิ่งใหม่ๆได้มากขึ้น แต่ความรู้สึกสูญเสียและความคิดถึงจะยังคงอยู่  หนึ่งในวิธีการคิดที่จะช่วยให้จิตใจของอยู่ได้ โดยไม่เป็นทุกข์มากจนเกินไป คือการใช้วิธีการคิดบวก เช่น  คิดว่าเขาไปดีแล้ว , เขาไปในที่ๆสบายกว่าเรา ไม่ต้องเจ็บปวดไม่ต้องทรมานอีกต่อไป , คิดว่าเขาหลับสบายแล้ว หมดห่วงหมดกังวลแล้ว , คิดว่าเขา ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว  หรือคิดว่า ส่วนดีของเขาก็ยังคงอยู่ในใจเรา

 

ที่มา : คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา
ภาพ : AFP

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog