อีกหนึ่งปัญหาที่รัฐบาลยังต้องแก้ไขให้กับเกษตรกรคือปัญหาภัยแล้ง ที่คาดว่าปีนี้จะรุนแรงกว่าที่ผ่านมา ขณะนี้มีบางพื้นที่ต้องประกาศขายที่ดิน เลิกทำการเกษตรแล้ว
นายบุญส่ง หวังวัดกลาง ชาวนาในพื้นที่ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ติดป้ายประกาศขายที่นา หลัง จ.นครราชสีมา ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ง 8 อำเภอ เขาเปิดเผยว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้องประสบปัญหาภัยแล้งมาโดยตลอด จึงต้องการขายที่นาทิ้ง เพื่อนำเงินไปลงทุนประกอบอาชีพอื่นเลี้ยงครอบครัว จากการตรวจสอบข้อมูลของผู้สื่อข่าว พบว่าที่ดินบริเวณนี้ขายในราคาถูกมาก ที่ดินติดถนนลาดยางขายราคาไร่ละ 100,000 – 120,000 บาท ส่วนพื้นที่ห่างออกไป ขายไร่ละ 60,000 – 70,000 บาท จึงมีนายหน้าค้าที่ดิน เข้าไปเลือกซื้ออย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่ จ.พะเยา คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดพะเยา เร่งหามาตรการช่วยเหลือผู้ประสบที่ขณะนี้มีผู้ประสบภัยภัยแล้ง รวม 6 อำเภอ คืออำเภอเมือง , ดอกคำใต้ , เชียงคำ , จุน , แม่ใจ และอำเภอภูกามยาว มีพื้นที่ทางการเกษตรประสบภัยแล้งกว่า 25,000 ไร่ และมีเกษตรกรได้รับผลกระทบ 4,416 ราย ซึ่งทางจังหวัดคาดว่าปีนี้ภัยแล้งจะรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา
ไม่เพียงแต่พื้นที่ต่างจังหวัดเท่านั้น กรุงเทพมหานครก็เตรียมรับมือปัญหานี้เช่นกัน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เตรียมหารือกับรัฐบาล ให้ใช้พื้นที่เกษตรกรรม 198,000 ไร่ ของกรุงเทพมหานคร เป็นตัวอย่างการทำเกษตรแบบใช้น้ำน้อยและให้คุณภาพสูง ขณะเดียวกันกรุงเทพมหานครยังเตรียมงดให้ความช่วยเหลือ ชาวนาที่ฝืนปลูกข้าวในฤดูแล้ง หลังประกาศเตือนไปก่อนหน้านี้
ส่วนกรมเจ้าท่า แจ้งเตือนผู้ประกอบการเดินเรือสินค้าในแม่น้ำเจ้าพระยาให้เพิ่มความระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุ โดยแนะนำให้ลดปริมาณการบรรทุกสินค้า เนื่องจากระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง เรืออาจเกยสันดอนทรายได้หลายจุด โดยเฉพาะช่วงแยกปากทางแม่น้ำเจ้าพระยากับคลองโผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ที่เรือบรรทุกน้ำตาลเคยเกิดอุบัติเหตุแล้ว