ไม่พบผลการค้นหา
‘สุดารัตน์’ เรียกร้องให้ กกต.ตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อพรรคพลังประชารัฐ ย้ำอยู่การเมืองมา 27 ปี ไม่เคยเจอรัฐบาลใช้อำนาจเต็มรูปแบบช่วงเลือกตั้ง ยืนยันพรรคเพื่อไทยดัน 3 มาตรการตั้งกองทุนเจ้าของธุรกิจคนรุ่นใหม่ แบ่งงบฯ จากกลาโหม 2 หมื่นล้านบาท กองทุนคนเปลี่ยนงาน และบัตรทองสตาร์ทอัพ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ลงพื้นที่หาเสียงสวนจตุจักร ว่า พล.อ.ประยุทธ์กับพรรคพลังประชารัฐ มีความแนบแน่นเนื้อเดียวกันอย่างหลายคนบอกการทำโรดแมป ที่เคยบอก4ปีจะเข้าสู่การเลือกตั้งได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นการคืนอำนาจของผู้ยึดอำนาจ ในกติกาเอารัดเอาเปรียบหาเสียงลงพื้นที่ ด้านอำนาจรัฐเอื้ออำนวยสอดคล้องกัน เป็นเรื่องที่สื่อควรถามพล.อ.ประยุทธ์ในเรื่องนี้มากกว่า

เมื่อถามว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐไปร่วมเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐต้องวางตัวเป็นกลางการที่ใช้เจ้าหน้าที่รัฐ และงบประมาณรัฐ เราเป็นผู้แข่งขันเราถูกเอาเปรียบแม้จะถูกเอาเปรียบไม่เป็นธรรมและผิดกฎหมายด้วยต้องถามนายกฯ ที่ทำหน้าที่นายกฯ และหัวหน้า คสช. เป็นแคนดิเดตนายกฯให้พรรคพปชร. ส่อเอื้อประโยชน์หรือให้เกิดผลดีต่อบางพรรคการเมืองสมควรถูกต้องกฎหมายหรือไม่

อีกทั้ง กกต. จะปล่อยให้ถึงวันเลือกตั้งหรือไม่ เพราะเป็นเรื่อง 27 ปีไม่เคยเจอแบบนี้ ครั้งนี้เขาจะให้เกิดเป็นธรรมเลือกตั้งรัฐบาลเลือกตั้งต้องรักษาการไม่มีอำนาจใดๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นายกฯมีอำนาจเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ มีมาตรา 44 ด้วย ภาคปฏิบัติก็ได้รับการสะท้อนจากผู้สมัคร ส.ส.พื้นที่ตลอดทั้งการข่มขู่ใช้อำนาจรัฐ เก็บบัตรประชาชน แม้บางเพจและเว็บไซต์ระบุมีการเก็บบัตรประชาชนของทหารเกณฑ์ด้วย

ส่วนนโยบายของพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่จะเกี่ยวกับการทำมาหากินของคนรุ่นใหม่ และคนที่ได้รับผลกระทบเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี โดยเทคโนโลยีที่เข้ามาธุรกิจหลายอย่างกำลังลดอัตราตำแหน่งงาน อย่างธนาคารต้องลดคนงานลงทำให้มีคนว่างงาน เด็กรุ่นใหม่จะหางานทำยากขึ้น เรามองเห็นปัญหาที่รัฐต้องแก้ไขล่วงหน้า อีกทั้งเห็นศักยภาพของคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้

ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะผลักดัน 3 มาตรการตั้งกองทุนสร้างเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ หรือสร้างเถ้าแก่ใหม่ กองทุนนี้เรามองว่านโยบายไม่เกณฑ์ทหารจะให้สมัครใจเข้ารับราชการ คนรุ่นใหม่มีศักยภาพโดยทำแคมป์คนรุ่นใหม่เป็นเถ้าแก่เจ้าของกิจการ แทนที่เข้าแคมป์ฝึกทหารก็เข้าแคมป์สร้างกิจการเอง โดยแบ่งงบฯจากกระทรวงกลาโหมร้อยละ 10 หรืองบประมาณ 20,000 ล้านบาท ศูนย์นี้จะช่วยองค์ความรู้ทั้งหมด โดยประสานกับมหาวิทยาลัย ใช้กองทุนนี้ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกเข้าสู่ประเทศไทย นอกจากนั้นยังทำแบรนด์ไทยแลนด์ โดยใช้ชื่อไทยเวิร์ค เป็นแบรนด์ไทยแลนด์พาคนตัวเล็กไปขายของ โดยรัฐเป็นเจ้าภาพ

2.รองรับคนตกงานในสายต่างๆที่จะตกงานมากขึ้นด้วยกองทุนคนเปลี่ยนงาน ไม่ปล่อยให้คนเตะฝุ่น2แสนคน ให้เงินทุนให้มีงาน ถ้าถูกเลิกจ้างจะมีกองทุนให้คนเหล่านี้

3.บัตรทองสตาร์ทอัพ เพื่อเด็กรุ่นใหม่ นักธุรกิจรุ่นใหม่คนเหล่านี้จะให้กำลังให้สู้กับรุ่นใหญ่ได้ ดังนั้นบัตรทองสตาร์ทอัพให้คนตัวเล็กสิทธิพิเศษนอกอีอีซี เป็นการแก้ปัญหารวยกระจุก จนกระจาย ดังนั้นเมื่อมีนโยบายไม่เกณฑ์ทหาร จะสร้างเด็กรุ่นใหม่เราจะสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีธุรกิจเป็นของตัวเอง