วิเคราะห์ กรณีพลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต เข้ามานั่งในต่ำอหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ แทนพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของหลายฝ่าย หลังจากนายกรัฐมนตรีตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรี ภายหลังผ่านการทำงาน 6 เดือน โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญด้านความมั่นคงที่ปรับให้พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา จนถูกตั้งข้อสังเกตว่าการทำงานร่วมกันต่อไประหว่างรัฐบาลและกองทัพจะอยู่ในภาวะกดดัน
การให้ความเห็นครั้งแรกของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ต่อตำแหน่งผู้บังคับบัญชา อย่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของพลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต นับตั้งแต่มีการปรับคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 2 ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ของการทำงานระหว่างกองทัพและรัฐบาลที่จะเดินหน้าไปพร้อมกันได้
หลังจากที่ผ่านมา ภาพที่น่าจับตาของพลอากาศเอกสุกำพล อยู่ในภาพลักษณ์ตัวแทนของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากพันตำรวจโททักษิณ เคยวางตัวจะให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ ด้วยเหตุเป็นเพื่อนนักเรียนร่วมรุ่นโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 10 ด้วยกันมา แต่มาสะดุดลงที่เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แต่ก่อนหน้านั้นพลอากาศเอกสุกำพล ก็ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย จนเข้าสู่ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
แต่การวางตัวพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในครม.ยิ่งลักษณ์ 1 ก็ถูกมองว่าเหมือนเป็นการวางหมากของรัฐบาล เพื่อหยั่งเชิงกองทัพ โดยให้พลเอกยุทธศักดิ์ เป็นผู้สานสัมพันธ์กับกองทัพ เพื่อปูทางให้ผู้กล้า อย่างพลอากาศเอกสุกำพล มาสานต่อ อีกทั้งยังถูกมองว่ามีส่วนสำคัญ ในการเปิดฉากให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้พบกันครั้งแรก นับตั้งแต่ก้าวเป็นนายกรัฐมนตรีมากว่า 6 เดือนแล้ว
แต่สิ่งที่หลายฝ่ายกังวล คือการเข้ามาบทบาทของพลอากาศเอกสุกำพล จะนำไปสู่การแก้ไขพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ที่เอื้อให้ปรับเปลี่ยนกองทัพได้ง่ายขึ้น ซึ่งพลอากาศเอกสุกำพล ได้ปฏิเสธว่า จะไม่เข้าไปก้าวล่วงการแก้ไขพรบ.กลาโหม ตามที่มีกระแสข่าว เนื่องจากเป็นผู้ใหญ่มากพอ และรู้ว่าอะไรเหมาะสมกับกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นกระทรวงที่มีวินัย อีกทั้งยอมรับว่า มีแต่เรื่องที่อยากทำ โดยขอศึกษาก่อน พร้อมเชื่อว่าจะทำงานร่วมกับกองทัพได้ดี
โดยสิ่งที่น่าจับตามองต่อไป คือเวลาสำคัญของกองทัพ ใน 2 ฤดูกาลโยกย้าย ในเดือนเมษายน และตุลาคม ที่อาจไม่ลงตัวในการจัดสรรตำแหน่งแม่ทัพภาค ที่อาจส่งผลให้การดำเนินงานต่อไปไม่ราบรื่นนัก ระหว่างฝ่ายนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 10 และขุนพลบูรพาพยัคฆ์ ท่ามกลางกระแสข่าวในขณะนี้ว่าอาจเกิดรัฐประหารช่วงเดือนเมษายนนี้ ซึ่งวันนี้ผู้บัญชาการทหารบก ได้ยืนยันสยบข่าวลือว่าไม่เป็นความจริง นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของครม.ยิ่งลักษณ์ 2 ที่น่าวางใจว่าสามารถทำงานขนานไปพร้อมกับกองทัพได้ดี
Produced by Voice TV