วัดเสนาสนาราม พระนครศรีอยุธยา มีศิลปกรรมน่าชมหลายอย่าง อาทิ จิตรกรรมภาพพระราชพิธีสิบสองเดือน เขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 และพระอินทร์แปลง พุทธปฏิมากรที่อัญเชิญมาจากกรุงเวียงจันทน์
วัดเสนาสนาราม เดิมชื่อ วัดเสื่อ สันนิษฐานว่า มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่หลังพระราชวังจันทรเกษม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อปี พ.ศ.2406 พระราชทานนามว่า วัดเสนาสนาราม ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมในปีพ.ศ.2427
ภายในวัดเสนาสฯ มีศิลปวัตถุสถานที่น่าชมหลายอย่าง อาทิ พระประธานในอุโบสถ ประดิษฐานภายในซุ้มปูนปั้นเรือนแก้่ว คาดว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยา
จิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์ เป็นภาพพระราชพิธีสิบสองเดือน
เจดีย์ประธานทรงระฆัง แบบศิลปะอยุธยา และเจดีย์บริวาร แบบเจดีย์ทรงเครื่อง
ภายในวิหารพระไสยาสน์ นอกจากพระนอนแล้ว ยังมีพระพุทธรูปปางอุปถัมภ์ประดิษฐานอยู่ด้วย
ในวิหารอีกหลัง ประดิษฐานพระอินทร์แปลง ศิลปะล้านช้าง รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯให้อัญเชิญมาจากกรุงเวียงจันทน์ บนฝาผนังมีงานจิตรกรรม
วัดเสนาสฯ มีสิ่งน่าชมตั้งแต่ประตูวัดเข้าไปเลยทีเดียว เป็นประตูซุ้มบรรพแถลง ประกอบด้วยเครื่องลำยอง ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ซ้อนกัน 2 ชั้น
ในกรอบซุ้มประดับตราพระมหามงกุฏขนาบข้างด้วยฉัตร สันนิษฐานว่าได้รับรูปแบบจากประตูวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ซึ่งรับรูปแบบมาจากศิลปะอยุธยาอีกต่อหนึ่ง
ประตูวัดราชประดิษฐ์ ในกรุงเทพมหานคร ถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4
พระอุโบสถวัดเสนาสฯ ก่ออิฐถือปูน หลังคาเครื่องไม้ ด้านหน้ากับด้านหลังมีประตูทางเข้าสองทาง ตรงกลางเป็นมุขโถง ภายในซุ้มทรงมงกุฏสามยอดประดิษฐานพระพุทธรูป
หน้าบันเหนือมุขโถงประดิษฐานตราพระราชลัญจกรพระมหามงกุฏ อยู่เหนือช้างสามเศียร เคียงข้างด้วยฉัตรห้าชั้น เหนือตราพระราชลัญจกรขึ้นไปเป็นเจดีย์ทรงระฆัง พื้นหลังเป็นลายจำหลักปิดทองประดับกระจก ประดับลายก้านแย่ง
กรอบซุ้มประตูและกรอบซุ้มหน้าต่าง เป็นลายปูนปั้นประดับกระจก ทำเป็นทรงวิมานสามยอด ตรงกลางหน้าบันประดิษฐานตราพระมหามงกุฏ อันเป็นตราพระราชลัญจกรประจำพระองค์ของรัชกาลที่ 4
พระประธานในอุโบสถ มีนามว่า พระสัมพุทธมุนี ปางมารวิชัย คาดว่าสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 21-22
พระสัมพุทธมุนี ประดิษฐานภายในซุ้มปูนปั้นรูปเรือนแก้ว เบื้องหลังเป็นซุ้มไม้โพธิ ทำเป็นลายกนกเปลว ปลายด้านล่างทั้งสองข้างเป็นรูปเหรา ที่ด้านบนทั้งซ้ายและขวา มีกรอบวงรีแทรกอยู่ ลดหลั่นด้านละ 4 กรอบ รวมกับด้านบนสุดเป็น 9 กรอบภายใต้พระมหามงกุฏ
ภายในกรอบวงรีบนซุ้มเรือนแก้ว จารึกพระคาถารำลึกคุณของพระพุทธเจ้า ที่ฐานด้านล่างของพระประธาน มีพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร นั่งพนมมืออยู่ซ้ายขวา
บนผนังระหว่างช่องหน้าต่าง เขียนภาพพระราชพิธีสิบสองเดือน ในภาพเป็นพิธีเดือนห้า คือ พระราชพิธีสงกรานต์ และพระราชพิธีสระสนานใหญ่ พระราชพิธีแห่คเชนทรัศวสนาน ซึ่งมีต่อเนื่องในเดือนสี่ต่อเดือนห้า หรือมีนาคมต่อเดือนเมษายน มีการรดน้ำพระสงฆ์และเจริญศิริมงคลแก่ช้าง
ที่ผนังระหว่างช่องประตูหน้า เขียนภาพเหตุการณ์รัชกาลที่ 4 ทอดพระเนตรสุริยุปราคา ภายในหมู่พระมหามณเฑียรในพระบรมมหาราชวัง
ภาพระยะใกล้ของจิตรกรรมบนผนังสกัดหน้า แสดงรูปรัชกาลที่ 4 ทรงส่องกล้องชมสุริยุปราคา
ภาพรัชกาลที่ 4 ทอดพระเนตรสุริยุปราคา ปรากฏในพระอุโบสถ วัดราชประดิษฐ์ กรุงเทพมหานคร
เหนือกรอบประตูหน้าต่างอุโบสถวัดเสนาสฯ เขียนภาพเทพชุมนุม
ภาพพระราชพิธีเลี้ยงพระตรุษจีนในเดือนสาม หรือเดือนกุมภาพันธ์ มีพิธีเลี้ยงพระ ณ พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในภาพ กำลังมีงานเลี้ยงพระที่ศาลาโถง มีคนนิมนต์พระขึ้นจากเรือแจว ชาววังหญิงชายถวายเครื่องภัตตาหาร ทางด้านขวาของภาพ สตรีชาววังส่งอาหารให้ผู้ชายนำไปถวายพระ
ที่มุมกำแพงแก้ว ด้านหน้าพระอุโบสถ มีหอระฆังและหอกลอง
หอระฆังและหอกลองเป็นอาคารโปร่ง ก่ออิฐถือปูน สูงสองชั้น ในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทั้งสี่ด้านเจาะช่องโค้งรูปกลีบบัว ยอดหลังคาเป็นทรงกระโจมซ้อนสองชั้น ที่ผนังของเสาด้านนอกเจาะช่องรูปกลีบบัวสำหรับตามไฟ
ด้านหลังอุโบสถ มีเจดีย์ประธานและเจดีย์บริวาร ตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงแก้วที่มีเสมาตั้งประจำทิศทั้งแปด
เจดีย์ประธานเป็นทรงระฆัง ศิลปะอยุธยา ตรงกลางองค์ระฆังประดับกระจังรูปใบโพธิ์
เจดีย์บริวารเป็นเจดีย์ทรงเครื่อง เรียงรายรอบฐานทักษิณด้านทิศเหนือกับทิศใต้
แท่งเสมาทำด้วยหินแกรนิต เป็นเสมาขนาดใหญ่ เอวคอดเว้า มีลายสลักรูปเศียรนาค ตรงกลางด้านทั้งสี่ประดับสายสังวาล
วิหารพระไสยาสน์ (ซ้าย) อยู่หลังเจดีย์ประธาน พระวิหารวางตัวตามแนวทิศเหนือ-ทิศใต้ ถัดไปเป็นวิหารพระอินทร์แปลง วางตัวตามแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก
กรอบหน้าต่างของวิหารพระไสยาสน์ ทำเป็นรูปใบเทศก้านขด
หน้าบันเป็นแบบทรงวิลันดา ประดับตราพระมหามงกุฏประกอบลายใบเทศก้านขด
ภายในวิหารมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ที่รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯให้อัญเชิญมาจากวัดมหาธาตุเชิงสะพานถ่าน ในสภาพชิ้นส่วนแตกหัก โดยนำมาประกอบกันเพื่อประดิษฐานที่พระวิหารแห่งนี้
ตรงหน้าพระนอน มีพระพุทธรูปปางอุปถัมภ์ หรือปางพยาบาลภิกษุไข้
วิหารพระอินทร์แปลง ตั้งอยู่ถัดจากวิหารพระไสยาสน์ ผนังด้านตะวันออกติดกับวิหารพระไสยาสน์ ด้านหน้าอาคารมีหลังคาคลุมในแนวเหนือ-ใต้ เรียกว่า มุขขวาง
หน้าบันของวิหารพระอินทร์แปลง ประดับตราเทวดาอัญเชิญพระมหามงกุฏ พร้อมเครื่องสูงประกอบภายใต้ฉัตร ด้านบนสุดประกอบลายกนกเปลวก้านขด เครื่องลำยองเป็นปูนปั้น ใบระกาทำเป็นลายใบเทศ หางหงส์ทำเป็นนาคสามเศียรแบบไทย ที่เฉลียงด้านหน้ามีประตูทางเข้าสามช่อง แต่ช่องกลางไม่สามารถเข้าไปได้
มุขขวางถือเป็นเอกลักษณ์ของอาคารในสมัยรัชกาลที่ 4 ไม่พบในแบบแผนการสร้างก่อนหน้านั้น ภายในหน้าบันของมุขขวางประดับลายปูนปั้นตราพระมหามงกุฏ กรอบหน้าบันเป็นใบระกากับลายใบไม้แบบตะวันตก
กรอบประตูหน้าต่าง เป็นลายก้านขดใบเทศ
ภายในวิหาร ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริด ตำนานกล่าวว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงเวียงจันทน์เป็นผู้สร้าง ชีปะขาวแสดงอภินิหารมาช่วยหล่อพระจนสำเร็จ หลังจากนั้น ไม่มีใครพบชีปะขาวอีกเลย จึงเชื่อกันว่า เป็นอภินิหารของพระอินทร์ จึงถวายนามพระพุทธรูปว่า พระอินทร์แปลง
พระอินทร์แปลงประดิษฐานบนฐานชุกชี เบื้องหลังเป็นซุ้มโพธิ์ ขนาบข้างด้วยพระอัครสาวก ที่ซุ้มโพธิ์จารึกคาถาพระพุทธคุณ สันนิษฐานว่าซุ้มสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
เบื้องหลังซุ้มพระอินทร์แปลงเป็นห้องขนาดเล็ก ภายในประดิษฐานพระป่าเลไลย์ ศิลปะอยุธยา
จิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารพระอินทร์แปลง มี 2 ตอน ตอนบนเขียนภาพเทพชุมนุม ถัดขึ้นไปมีเหล่าวิทยาธรเหาะ คั่นด้วยลายฮ่อ ด้านล่างระหว่างช่องหน้าต่างเป็นภาพเล่าเรื่อง มฆมานพ
มฆมานพเป็นเรื่องราวของพระอินทร์ นับเป็นการเลือกเรื่องนำมาเขียนโดยสอดคล้องกับตำนานของพระประธานในวิหารแห่งนี้ ในภาพเป็นการบำเพ็ญทานของมฆมานพ ด้วยการถวายสลากภัตร
บนผนังหลังบานประตูทางเข้า มีภาพแสดงใบหน้าของพระภิกษุ กล่าวกันว่าเป็นภาพสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมื่อครั้งมาเยือนวัดแห่งนี้
หน้าประตูกำแพงเขตพุทธาวาส มีเกยสำหรับเทียบพระราชยาน เมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จฯมาประกอบศาสนกิจ.
เอกสารอ้างอิง
ทศพร ทองคำ. (2556). จิตรกรรมพระราชพิธีสิบสองเดือน วัดเสนาสนาราม ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา. การศึกษา เฉพาะบุคคล ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศิลปากร, กรุงเทพฯ.
ติดตาม ไทยทัศนา ย้อนหลัง
ไทยทัศนา : (1) วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ
ไทยทัศนา : (2) วัดสุวรรณาราม ธนบุรี
ไทยทัศนา : (3) วัดราชโอรส ธนบุรี
ไทยทัศนา : (4) วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพฯ
ไทยทัศนา : (5) วัดสุวรรณดาราราม อยุธยา