อิทธิพลตะวันตกที่เข้าสู่สยามส่งผลให้ศิลปกรรมในวัดหลวงหลายแห่งสะท้อนแนวคิดเหมือนจริง หนึ่งในจำนวนนี้คือ วัดโสมนัสราชวรวิหาร ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
วัดโสมนัสวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งขุดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ใกล้กับทำเนียบรัฐบาลในปัจจุบัน
แปลนวัดโสมนัสวิหาร ซึ่งมีในพระอุโบสถสมัยเริ่มการก่อสร้าง พ.ศ.2396
วัดโสมนัสราชวรวิหาร ตั้งอยู่ในแขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร
รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯสร้างวัดโสมนัสราชวรวิหาร เพื่ออุทิศแก่พระอัครมเหสี คือ สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี
สิ่งน่าสนใจภายในวัด มีเช่น จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ จิตรกรรมฝาผนังในพระวิหาร เจดีย์ทรงระฆังสีทอง กับเจดีย์มอญ
ภายในพระวิหาร มีจิตรกรรมฝาผนัง
ภายในพระอุโบสถ มีจิตรกรรมฝาผนังอันน่าชมเช่นกัน
เจดีย์ทรงระฆังสีทอง กับเจดีย์มอญ ลักษณะคล้ายปรินิพพานสถูปในอินเดีย (ขวา)
เจดีย์ทรงระฆังเป็นเจดีย์แบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 4. ศักดิ์ชัย สายสิงห์ (2556: 86) อธิบายว่า พระเจดีย์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาขึ้นตามวัดต่างๆนั้น เกือบทั้งหมดเป���นเจดีย์ทรงระฆัง เป็นรูปแบบที่พระองค์ทรงโปรด.
พระวิหาร ก่ออิฐถือปูน
อาคารวิหารมีพาไลและเสาพาไลโดยรอบ เสาอาคารเป็นเสากลม มีบัวหัวเสา แต่ไม่มีลายกลีบบัว ไม่มีคันทวยรองรับชายคา พระเจดีย์อยู่หลังพระวิหาร
หน้าบันประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ตัวช่อฟ้าและหางหงส์ทำเป็นปูนปั้นรูปหัวนาคแต่มีปากเป็นนก เรียกว่า นกเจ่า
หน้าบันเป็นงานปูนปั้นลวดลายกระหนกอย่างไทย มีกรอบลายสามเหลี่ยม 2 ชั้น ส่วนกลางหน้าบันด้านล่างมีตราพระบรมราชสัญลักษณ์ในสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดีประดิษฐานเหนือพานแว่นฟ้า เหนือขั้นไปเป็นมหาพิชัยมงกุฏอันเป็นตราพระบรมราชสัญลักษณ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้อมรอบด้วยลายกระหนก มีเทวดาถือฉัตรประดับด้านข้าง
กรอบนอกของหน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบเป็นแถวลายดอกไม้ขนาดใหญ่ จำพวกลายดอกโบตั๋น
ซุ้มประตูและหน้าต่างพระวิหาร ประดับตกแต่งด้วยลวดลายอย่างเทศ
ลวดลายของกรอบซุ้มและกรอบหน้าต่าง เป็นลายเถาดอกไม้ใบไม้ แบบศิลปะจีนผสมศิลปะตะวันตก
บานหน้าต่างพระวิหาร
ส่วนยอดซุ้มตรงกลาง ประดับด้วยลายมงกุฏ บานประตูและบานหน้าต่างเป็นงานลงรักปิดทอง ใช้ลวดลายสัญลักษณ์ของพระจักรพรรดิราช ได้แก่ รัตนะ 7 ประการ คือ ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว นางแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว จักรแก้ว และแก้วมณี
ภายในพระวิหารมีเสาทรงสี่เหลี่ยม รับน้ำหนักหลังคาและเพดาน
พระประธานในพระวิหาร มีนามว่า พระสัมพุทธโสมนัสวัฒนาบดีนาถบพิตร
จิตรกรรมภายในวิหาร เป็นเรื่องอิเหนา นับว่าผิดแผกจากภาพในที่อื่นๆ ซึ่งมักเขียนเรื่องชาดก ชาดกนอกนิบาต และต่างจากภาพเขียนในสมัยรัชกาลที่ 4 ทั่วไป ซึ่งมักเป็นภาพงานประเพณี งานบุญ ปริศนาธรรม หรือกิจวัตรของพระภิกษุ
งานจิตรกรรมใช้เทคนิคผสมแบบไทย-ตะวันตก ภาพตัวละครที่เป็นกษัตริย์และชนชั้นสูง เขียนแบบสองมิติ แสดงเครื่องแต่งกายตามแบบแผนประเพณี ภาพฉากบ้านเรือนเขียนแบบสามมิติ มีระยะใกล้-ไกล
นอกจากภาพอาคารบ้านเรือนแบบตะวันตกแล้ว งานจิตรกรรมภายในวิหารยังแสดงสิ่งที่เข้ามาในสังคมสยาม เช่น เรือกลไฟ
สิ่งพิเศษของจิตรกรรมในพระวิหารแห่งนี้อีกอย่างหนึ่ง คือ ฉฬาภิชาติ หรือคนหกประเภท เขียนไว้ที่เสา 6 คู่ หรือ 12 ต้น
เสาแต่ละคู่มีสีต่างกัน คู่ที่อยู่ใกล้พระประธานจะเป็นสีอ่อน แล้วไล่ไปสู่สีเข้มขึ้นในเสาที่ไกลออกไป แสดงความหมายถึงจิตใจมนุษย์ว่า ยิ่งอยู่ใกล้พระพุทธศาสนา ยิ่งสว่าง ยิ่งห่างศาสนา ยิ่งมีกิเลส
หลังบานประตูทางด้านหน้าของพระวิหาร เป็นภาพผ้าม่านแหวก มีโคมระย้าห้อยลงมาตรงกลาง ด้านล่างโคมเป็นภาพบุคคลถือช่อดอกไม้บูชา
พระอุโบสถอยู่หลังพระเจดีย์
พระอุโบสถมีรูปแบบศิลปกรรมลักษณะเดียวกับพระวิหาร งานประดับตกแต่งแตกต่างกันเล็กน้อย
ขณะที่ซุ้มประตูและหน้าต่างของพระวิหารประดับรูปพระมหาพิชัยมงกุฏ ที่พระอุโบสถทำเป็นรูปพานพุ่ม
ซุ้มหน้าต่างพระอุโบสถ ประดับรูปพานพุ่มเช่นกัน
จุดเด่นของสีมาของวัดโสมนัสวิหาร คือ ตำแหน่งประดิษฐานของสีมา และลักษณะของซุ้มสีมา
สีมาที่วัดแห่งนี้ ประดิษฐานติดกับตัวอาคารพระอุโบสถ อันเป็นแบบแผนอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
ซุ้มสีมาตั้งอยู่บนกำแพงแก้ว ในตำแหน่งของสีมาในแต่ละทิศ
สีมาประจำทิศ
ภายในซุ้มสีมา ไม่มีใบสีมา
หน้าบันพระอุโบสถ
รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯให้สร้างวัดโสมนัสวิหารเมื่อปี พ.ศ.2396 และโปรดเกล้าฯให้อาราธนาพระอริยมุนี (ทับ พุทธสิริ) จากวัดสมอราย (วัดราชาธิวาสในปัจจุบัน) มาครองวัดแห่งใหม่นี้ในปี 2399 พระอริยมุนีได้อัญเชิญพระพุทธรูปที่ท่านสร้างขึ้นที่วัดสมอรายมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัดนี้ ต่อมาขนานนามว่า พระสัมพุทธสิริ ตามชื่อสกุลของท่าน
พระสัมพุทธสิริ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบ ครองจีวรแสดงรอยริ้วจีบคล้ายรอยริ้วผ้า เค้าพระพักตร์ดูคล้ายมนุษย์ปุถุชน ใบพระกรรณหดสั้นลง ไม่มีเปลวรัศมีเหนือพระเศียร เหล่านี้บ่งถึงศิลปะแนวเหมือนจริง ด้านหน้าพระประธานประดิษฐานพระนิรันตราย
จิตรกรรมในพระอุโบสถ ที่ผนังสกัดด้านหน้า แสดงสิ่งที่ปฏิบัติเมื่อมีงานศพ
บนผนังระหว่างช่องประตูและหน้าต่าง เป็นภาพอสุภกรรมฐาน 10 ประการ แสดงการเพ่งอสุภะ (ศพ) ในลักษณะต่างๆ.
เอกสารอ้างอิง
ศักดิ์ชัย สายสิงห์. (2556). พุทธศิลป์สมัยรัตนโกสินทร์ : พัฒนาการของงานช่างและแนวคิดที่ปรับเปลี่ยน. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ.
ติดตาม ไทยทัศนา ย้อนหลัง