วันนี้( 4 ม.ค) เป็นวันเอกราชของสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เพื่อนบ้านของไทย ซึ่งกำลังปฏิรูปประเทศขนานใหญ่ทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจ
พม่าเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ตกเป็นเมืองขึ้น ในยุคล่าอาณานิคมมาอย่างยาวนาน ประเทศพม่าเสียเอกราชโดยสมบูรณ์ เมื่อพระเจ้าสีป่อแห่งราชวงศ์อลองพญาได้พ่ายศึกแก่อังกฤษในปี 2428 หลังตกเป็นเมืองขึ้น อังกฤษได้ใช้พม่าเป็นเมืองท่า และเป็นแนวรบฝั่งสยามและลาว นอกจากนี้ ก็ยังกดขี่และดูถูกวัฒนธรรมของชาวพม่าซึ่งอยู่ใต้การปกครองเป็นอย่างมาก
อังกฤษได้ปกครองพม่าเรื่อยมา จนกระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นายพลหนุ่มนักปฏิวัตินามว่า ออง ซาน ผู้ต้องการปลดแอกพม่าจากอังกฤษ ได้ตกลงกับจักรวรรดิญี่ปุ่นว่าจะช่วยกองทัพญี่ปุ่นรบกับอังกฤษ หากญี่ปุ่นให้การรับรองเอกราชของพม่า
นายพลออง ซานยังเดินทางมาที่กรุงเทพฯ เพื่อจัดตั้งกองทัพปลดแอกพม่า หลังจากที่ญี่ปุ่นบุกพม่าเพื่อโจมตีทหารอังกฤษในปี 2485 สำเร็จ นายพลออง ซานจึงได้ขึ้นเป็นผู้นำและจัดตั้งประเทศพม่าในปีต่อมา
อย่างไรก็ตาม นายพลออง ซาน พบว่าญี่ปุ่นไม่ได้ให้เอกราชที่แท้จริงตามที่สัญญาไว้ จึงหันมาร่วมมือกับอังกฤษเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นอย่างลับๆ ความสำเร็จจากการนำกองทัพพม่าลุกฮือขับไล่ทหารญี่ปุ่น ทำให้อังกฤษ ยอมทำสัญญามอบเอกราชกับนายพลออง ซานในปี 2490
ก่อนที่พม่าจะได้รับเอกราชจากอังกฤษโดยสมบูรณ์ในวันที่ 4 มกราคม 2491 โดยเป็นหนึ่งในเพียงไม่กี่ประเทศ ที่ไม่ได้เข้าร่วมในเครือจักรภพอังกฤษหลังการได้รับเอกราช
นายพลออง ซานมิได้มีชีวิตอยู่ จนถึงวันที่พม่ามีเอกราชอย่างแท้จริงในปี 2491 เนื่องจากเขาพร้อมกับรัฐมนตรีอีก 6 ถูกนายอู ซอ คู่แข่งทางการเมืองลอบสังหาร ประมาณ 6 เดือนก่อนหน้าการได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ โดยสาเหตุที่ทำให้อู ซอ ตัดสินใจกระทำการดังกล่าวก็เพราะเห็นว่านายพลออง ซาน อ่อนข้อให้กับอังกฤษมากเกินไป
การเมืองภายในพม่าหลังได้รับเอกราช เต็มไปด้วยความไม่สงบ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆได้ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ส่งผลให้นายพลเน วิน ตัดสินใจก่อรัฐประหารขึ้นในปี 2505 โดยปกครองประเทศด้วยระบอบเผด็จการและกวาดล้างศัตรูทางการเมืองในเวลาต่อมา
นับเป็นเวลา 64 ปีแล้ว ที่พม่าได้ปลดแอกจากประเทศอังกฤษและเป็นรัฐเอกราชโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามทั่วโลกคงจะต้องจับตามองต่อไปว่า พม่าจะสามารถปลดแอกจากรัฐเผด็จการทหารและเปลี่ยนเป็นรัฐประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ได้เมื่อไร
Produced by VoiceTV