ไม่พบผลการค้นหา
ข่าวการเสียชีวิตของพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา กลายเป็นข่าวที่ทั่วโลกต้องจับตามอง

ข่าวการเสียชีวิตของพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา กลายเป็นข่าวที่ทั่วโลกต้องจับตามอง เพราะเขาคือผู้นำเผด็จการที่ปกครองประเทศลิเบียมานานถึง 42 ปี

 

 

เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ลิเบียเคยถูกอิตาลีเข้ายึดครอง จนถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง องค์การสหประชาชาติประกาศมอบเอกราชให้กับลิเบีย การครอบครองของอิตาลีที่ตักตวงผลประโยชน์และทรัพยากรธรรมชาติไปจำนวนมาก เป็ยประเด็นที่ทำให้ชาวลิเบียโกรธแค้นชาติตะวันตก และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของโมอัมมาร์ กัดดาฟี ลุกขึ้นต่อต้านชาติตะวันตก

 

กัดดาฟี ศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยเบงกาซี และศึกษาต่อระดับสูงในประเทศอังกฤษ ระหว่างนั้น เขาปลูกฝังความคิดชาตินิยมอาหรับให้กับเพื่อนร่วมชั้น ทำให้เขามีพรรคพวกเป็นจำนวนมาก เมื่อเขาสำเร็จการศึกษาในปี 2512 จึงเดินทางกลับประเทศและในปีนี้เองที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของลิเบีย เนื่องจากเขาและพรรคพวก โค่นล้มระบอบกษัตริย์ลงได้ และขับไล่ชาวอังกฤษออกไปจากประเทศจนหมด

 

ต่อมาในปี 2516 กัดดาฟีต้องการรวมประเทศกับอียิปต์ แต่ประธานาธิบดีซาดัตแห่งอียิปต์ไม่เห็นด้วย เขาจึงพยายามเจรจาขอรวมประเทศกับตูนีเซีย แต่ด้วยอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน ทำให้ความต้องการรวมของลิเบียไม่สำเร็จอีกครั้ง

 

ด้วยบุคลิกภาพส่วนตัวของกัดดาฟีที่ค่อนข้างแข็งกร้าว ทำให้การดำเนินนโยบายระหว่างประเทศในช่วงที่เขาครองอำนาจเป็นไปอย่างดุเดือด โดยเฉพาะกับชาติตะวันตก เขาเลือกใช้วิธีการก่อการร้าย เป็นวิธีหลักในการแสดงการต่อต้าน โดยเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในปี 2531 เมื่อเครื่องบินของสายการบินแพนแอมของสหรัฐฯ เกิดระเบิดเหนือเมืองล็อคเคอร์บี้ของสก็อตแลนด์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 270 คน

 

ความตึงเครียดนี้ดำเนินมานานกว่า 10 ปี จนกระทั่งกัดดาฟียอมส่งตัวผู้ต้องหาระเบิดเครื่องบินพร้อมกับคำสัญญาที่จะยุติโครงการพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูง แต่เมื่อ 3 ปีก่อน กัดดาฟีก็ขัดใจสหรัฐอีกครั้ง ด้วยการจัดงานเลี้ยงต้อนรับมือระเบิดอย่างยิ่งใหญ่ ที่ทางการสก็อต แลนด์ปล่อยตัว

 

ล่าสุดเว็บไซต์วิกิลีกส์ยังเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับนายกัดดาฟีว่า เขาเป็นคนค่อนข้างแปลกพิลึก เช่น แม้ว่าภายนอกจะดูเป็นคนแข็งกร้าว แต่กลับกลัวเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างเช่น กลัวความสูง โดยเขาจะไม่กล้าขึ้นบันไดเกิน 35 ขั้น หรือไม่กล้าแม้กระทั่งขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์เพื่อชมการแสดงต่างๆ นอกจากนี้เขายังไม่กล้าขึ้นเครื่องบิน ซึ่งเวลาเดินทางแต่ละครั้งเขาจะไม่นั่งบนเครื่องบินนานเกิน 8 ชั่วโมง

 

แม้ว่าในอดีตชาวลิเบียจะยกย่องให้ประธานาธิบดีโมอัมมาร์ กัดดาฟีเป็นวีรบุรุษของพวกเขา เนื่องจากเขาได้แสดงออกถึงการเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง และเป็นสัญลักษณ์ของชาวอาหรับที่ต่อสู้กับโลกตะวันตกตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ขณะนี้ มุมมองทุกอย่างเปลี่ยนไป ชาวลิเบียส่วนใหญ่มองว่าเขาคือผู้นำที่บ้าอำนาจ และทำได้ทุกอย่างเพื่อแลกกับการอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนเริ่มคิดถึงวลีเด็ดที่ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนของสหรัฐฯ เคยพูดเอาไว้เมื่อราว 30 ปีก่อนว่า 'กัดดาฟีคือหมาบ้าแห่งตะวันออกกลาง'

 

แต่แล้วข่าวที่ทำให้ทั่วโลกต้องตกตะลึงเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็คือรายงานข่าวการเสียชีวิตของพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี จากการสู้รบกับกองกำลังของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่เมืองเซิร์ท ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของเขา หลังจากที่เขาต้องหลบหนีและซ่อนตัวนานหลายเดือน ขณะที่ ชะตาชีวิตของครอบครัวพันเอกกัดดาฟี ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก โดยลูกๆของเขาต้องหลบหนีไปประเทศอื่นๆ ส่วนนายซาอีฟ อัล-อิสลาม ที่ถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจ ก็ถูกจับกุมตัวได้ และอยู่ระหว่างการดำเนินคดีที่ประเทศลิเบีย

 

Produced by VoiceTV

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
181Article
60261Video
0Blog