คิม อิล ซุง ประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีเหนือ ได้รับการยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษผู้สร้างชาติ และเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบทอดอำนาจตระกูลคิม ที่ปกครองเกาหลีเหนือมาถึงสามชั่วอายุคน
ชีวิตของคิม อิล ซุง เรียกได้ว่าผ่านการต่อสู้ทางการเมืองมาอย่างโชกโชน เขาใช้ชีวิตวัยเด็กในประเทศจีนเนื่องจากครอบครัวได้อพยพไปแมนจูเรียเพื่อหลบหนีการยึดครองคาบสมุทรเกาหลีของกองทัพญี่ปุ่น เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เขาได้เข้าร่วมกองทัพเพื่อการปฏิวัติเกาหลี และกลายเป็นผู้นำกลุ่มกบฏในเกาหลีที่มีผลงานโดดเด่นจากการโจมตีกองทัพญี่ปุ่นหลายครั้ง จนเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้น ทหารญี่ปุ่นจำนวนมากได้เข้ายึดประเทศเกาหลี ส่งผลให้คิม อิล ซุงต้องหนีออกจากประเทศไปยังสหภาพโซเวียต
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ฝ่ายสัมพันธมิตรแบ่งคาบสมุทรเกาหลีออกเป็นสองส่วนโดยให้สหภาพโซเวียตดูแลเกาหลีเหนือที่ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม ขณะที่สหรัฐฯดูแลประเทศเกาหลีใต้ซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย คิม อิล ซุง จึงได้กลับมามีบทบาทในประเทศอีกครั้งโดยได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวในการจัดการเลือกตั้งอย่างเสรีในคาบสมุทรเกาหลีในปี 2491 ส่งผลให้เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรงในประเทศ อันบานปลายไปสู่การทำสงครามเกาหลีระหว่างปี 2493-2496 ซึ่งมีผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ขาดสะบั้นลงอย่างเด็ดขาด
คิม อิล ซุงในฐานะผู้นำของเกาหลีเหนือ ได้เริ่มการปกครองประเทศด้วยระบอบสังคมนิยมที่เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก พร้อมๆกับการทำการเกษตรในรูปแบบของสหกรณ์ บนพื้นฐานการปกครองที่ได้รับอิทธิพลจากลัทธิมาร์กซิสต์ นองจากนี้ เขายังบัญญัติลัทธิจูเช่ (Juche) ขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการปกครองประเทศ ซึ่งประกอบด้วยหลักสำคัญ 3 ประการได้แก่ การมีเอกราชทางการเมืองอย่างแท้จริง การพึ่งพาตนเองในทางเศรษฐกิจ และการป้องกันประเทศด้วยตนเอง
นโยบายการปกครองประเทศภายใต้ระบอบสังคมนิยมแบบรวมศูนย์และโดดเดี่ยวตัวเองออกจากโลกภายนอกของ คิม อิล ซุง ส่งผลให้เกาหลีเหนือตกอยู่ในสภาวะล้าสมัยเป็นอย่างมาก กิจการต่างๆรวมทั้งสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมีรัฐเป็นเจ้าของและเป็นผู้กำหนดราคาสินค้า ค่าจ้างแรงงาน การค้าขาย การจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน และการธนาคารอย่างเข้มงวด ให้ผลประกอบการที่ไม่มีประสิทธิภาพในทางเศรษฐกิจ ทำให้สหภาพโซเวียตต้องยื่นมาเข้ามาให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนือตลอดมา จนกระทั่งสหภาพโซเวียตล่มสลายลงในปี 2534 ความช่วยเหลือต่างๆจึงถูกระงับไป
อย่างไรก็ตาม คิม อิล ซุง ยังคงได้รับความรัก และความเคารพยกย่องจากชาวเกาหลีเหนือเป็นอย่างมากในฐานะบิดาผู้ให้กำเนิดประเทศ และเป็นผู้วางรากฐานการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ที่มั่นคงให้แก่เกาหลีเหนือ
เมื่อประธานาธิบดี คิม อิล ซุง ถึงแก่อสัญกรรมอย่างกระทันหันในปี 2537 บารมีของเขาจึงมีมากพอที่จะทำให้บุตรชาย คิม จอง อิล ขึ้นสืบทอดตำแหน่งได้อย่างราบรื่น และสถาปนาคิม อิล ซุง ผู้เป็นบิดาขึ้นเป็น "ผู้นำตลอดกาล" ของเกาหลีเหนือ ในขณะที่เขาขนานนามตนเองว่า "ผู้นำอันเป็นที่รักยิ่ง" แต่ยุคสมัยของคิม จอง อิล จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในวันพรุ่งนี้
Produced by VoiceTV