การเข้ามอบตัวของนายอริสมันต์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีอุกฉกรรจ์ถึง 5 คดี แต่ละคดีเกิดในช่วงการชุมนุมของกลุ่มนปช. เดือนเมษายน 2553 ไม่เพียงแต่นายอริสมันต์เท่านั้นที่ศาลอนุมัติออกหมายจับ แต่ยังมีแกนนำนปช.อีกหลายคนรวมอยู่ด้วย ทั้ง 5 คดีที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง
วันที่ 7 เมษายน 2553 กลุ่มนปช. นำโดย นายพายัพ ปั้นเกตุ และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายยศฤทธิ์ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก และ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เดินทางมาปิดล้อมอาคารรัฐสภา เรียกร้องให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงสมัยนั้น รับผิดชอบเหตุการณ์ขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม นายอริสมันต์ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ทั้ง รัฐมนตรี และ สส.หลายคน ต้องหนีตายปีนข้ามกำแพง ขณะที่นายสุเทพ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป หลังจากนายอริสมันต์ ให้กลุ่มนปช. 20 คนบุกเข้าไปภายในรัฐสภา เพื่อค้นหานายสุเทพ จึงเกิดความวุ่นวายขึ้น
วันที่ 8 เมษายน 2553 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ชี้แจงเหตุผลการปิดสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล หรือพีทีวี โดยระบุว่า เป็นการถ่ายทอดเวทีการชุมนุม บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เป็นการปลุกระดมประชาชน จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการระงับยับยั้ง ซึ่งวันที่ 9 เมษายน 2553 กลุ่มนปช. รวมตัวปิดล้อมสถานีภาคพื้นดินดาวเทียมไทยคม อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี มีกำลังทหารรักษาความปลอดภัยประมาณ 7,000 นาย เหตุการณ์ครั้งนั้น เกิดการปะทะกัน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องฉีดน้ำและใช้แก๊สน้ำตา ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเข้ายึดพื้นที่ได้
วันที่ 10 เมษายน 2553 รัฐบาลได้ขอพื้นที่คืนจากกลุ่มผู้ชุมนุม บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ซึ่งเกิดการปะทะกัน มีเจ้าหน้าที่ทหาร และประชาชนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์ครั้งนั้น ดีเอสไอกล่าวว่า มีการยึดอาวุธยุทธภัณฑ์ของทหารไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังจับกุมทหารไปเป็นตัวประกัน
วันที่ 16 เมษายน 2553 เจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโดเข้าปิดล้อมพื้นที่ เข้าจับกุมตัว นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และ นายสุพร อัตถาวงศ์ รวมถึงแกนนำคนอื่นๆ แต่นายอริสมันต์ หนึ่งในแกนนำ ได้โรยตัวออกมาที่ระเบียงบริเวณชั้น 3 ของโรงแรม โดยมีกลุ่มนปช.จำนวนมากรอรับอยู่ข้างล่าง จากนั้นนายอริสมันต์หลบหนีไปโดยใช้รถตู้
ส่วนกลุ่มนปช. ที่เหลือฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่ เข้าไปซิงตัวแกนนำที่เหลืออีก 3 คนออกมาซึ่งตามรายงานข่าในขณะนั้น ได้กล่าวว่า นายอริสมันต์ได้จำกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเป็นตัวประกัน และปล่อยตัวในภายหลัง และพบลูกระเบิด ภายในห้องพักของนายอริสมันต์ด้วย
ส่วนคดีสุดท้ายคือคดีก่อการร้าย อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2553 นายอริสมันต์และพวกรม 19ช คน ได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยในคำฟ้องระบุว่า มีการยุยง ปลุกปั่นประชาชนทั่วราชอาณาจักรไทยให้เข้าร่วมชุมนุมและทำกิจกรรม โดยมีความมุ่งหมายที่จะต่อต้านรัฐบาลและบังคับขู่เข็ญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้ยุบสภา จัดชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงหลายหมื่นคนที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตามแนวถนนราชดำเนินไปจนถึงสี่แยกคอกวัว และแยกราชประสงค์ มีการเดินขบวนและเคลื่อนย้ายประชาชนไปปิดล้อมสถานที่ต่างๆ และมีการใช้อาวุธเครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงใส่บ้านพักประชาชน เพื่อสร้างความปั่นป่วนก่อให้เกิดความเสียหายแก่การคมนาคมและทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เดือดร้อนเกรงกลัวอันตรายที่จะก่อให้เกิดขึ้นต่อชีวิตและร่างและทรัพย์สิน ขัดขวางการใช้ชีวิตโดยปกติสุขของประชาชนทั่วไป
Produced by VoiceTV