ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่า หมีขั้วโลกปรับตัวรับมือกับภาว��โลกร้อนไม่ได้ ซึ่งแม้ว่าแหล่งอาหารของพวกมันจะลดลง แต่พวกมันก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้มีการจำศีลเหมือนที่เคยเข้าใจกันก่อนหน้านี้
ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยไวโอมิงในสหรัฐฯ เกี่ยวกับพฤติกรรมและการใช้ชีวิตของหมีขั้วโลก ที่เพิ่งมีการเปิดเผยออกมาล่าสุดระบุว่า หมีขั้วโลกไม่สามารถปรับตัว หรือเปลี่ยนพฤติกรรมให้รองรับกับปัญหาอาหารขาดแคลนในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่อุณหภูมิปรับตัวสูงขึ้นได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า หมีขั้วโลกจะใช้วิธีเดินจำศีล ในช่วงฤดูร้อน เหมือนกับสัตว์ชนิดอื่นๆที่จำศีลในฤดูหนาวเพื่อประหยัดพลังงาน แต่ข้อมูลชุดใหม่กลับยืนยันว่า หมีขั้วโลกยังคงใช้ชีวิตตามปกติ และประสบปัญหามากขึ้นเพราะอาหารขาดแคลน
ข้อสรุปดังกล่าวได้มาจากการที่นักวิทยาศาสตร์ติดตั้งระบบรับ-ส่งข้อมูลในตัวของหมีขั้วโลก ผ่านวิธีการผ่าตัดและฝังลงไปในร่างของพวกมัน โดยมีหมีขั้วโลกที่ถูกเก็บข้อมูลและติดตามพฤติกรรมนับสิบตัว บริเวณทะเลโบฟอร์ด ชายฝั่งตอนเหนือของมลรัฐอะแลสกา ผลปรากฏว่า ระดับการเผาผลาญพลังงานของพวกมัน ยังคงเกิดขึ้นตามปกติ และไม่ได้มีทีท่าว่าพวกมันจะประหยัดการใช้พลังงานด้วยการจำศีลแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์ได้กลับมาเพิ่มเติม ก็คือการปรับตัวเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกายของหมีขั้วโลก โดยพวกมันจะลงไปว่ายน้ำ เพื่อให้น้ำเย็นช่วยลดอุณหภูมิของร่ายกายลง และรักษาอวัยวะที่สำคัญไม่ให้ทำงานหนักเกินไป ซึ่งหมีขั้วโลกมีความสามารถในการว่ายน้ำที่สูงกว่าสัตว์ชนิดอื่นมาก ตัวเมียบางตัวสามารถว่ายน้ำต่อเนื่อง 9 วัน คิดเป็นระยะทางกว่า 640 กิโลเมตร จากชายฝั่งไปยังแผ่นน้ำแข็งกลางทะเล แต่ความสามารถดังกล่าว ก็ไม่ได้ช่วยให้พวกมัน หาอาหารเพิ่มเติมได้มากนัก
ทั้งนี้ อาหารหลักของหมีขั้วโลกคือแมวน้ำ แต่หลังจากที่โลกประสบปัญหาโลกร้อน อุณหภูมิของน้ำทะเลก็เพิ่มสูงขึ้น ทำให้แมวน้ำแพร่พันธุ์ได้น้อยลง ซึ่งกระทบต่อการหาอาหารของหมีขั้วโลกด้วย โดยเมื่อปี 2008 ทางการสหรัฐฯได้ขึ้นทะเบียนหมีขั้วโลกให้เป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ หลังจากที่แหล่งที่อยู่อาศัยของมันอย่างแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ใกล้กับขั้วโลก กำลังละลายหายไปมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา