เภสัชกร ชี้การทานกินยาให้ถูกวิธีต้องอ่านฉลากและปฏิบัติตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด พร้อมแนะการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากพบผู้ใกล้ชิดทานยาเกินขนาด

เภสัชกรสหรัฐ เสริมเสนาพร ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวเว็บไซต์วอยซ์ ทีวี เกี่ยวกับความรู้เรื่องการใช้ยายืนยันว่าการกินยาแต่ละครั้งต้องกินตามคำแนะนำของแพทย์ผู้จ่ายยา และอ่านฉลากยาให้ละเอียดก่อนทุกครั้ง ยาสามัญประจำบ้านอย่างยาพาราเซตามอล หากรับประทานเข้าไปในปริมาณมากกว่าที่ฉลากกำหนดจะเป็นผลเสียต่อตับ สำหรับยาแก้แพ้บางตัวส่งผลเสียต่อมีผลเสียต่ออวัยวะภายในแตกต่างกันทั้งตับ ไต หัวใจ ระบบประสาท ระบบ ตา หู คอ จมูก รวมทั้งการทานยาฆ่าเชื้อ หรือ ยาปฏิชีวนะ ที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า ยาแก้อักเสบนั้น แท้จริงแล้วไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะยาแก้อักเสบที่จริงแล้วเป็นยาบรรเทาอาการปวด อักเสบ (Anti inflammation ) ซึ่งแตกต่างจาก ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่มีข้อบ่งใช้เฉพาะ เมื่อติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น และต้องทานยาติดต่อกันจนหมด ตามที่แพทย์ หรือ เภสัชกรสั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการดื้อยา

ทั้งนี้ยังได้แนะนำวิธีตรวจสอบวันหมดอายุของยา หรือตัวย่อคือ อีเอกพี (Exp, Expiration date) เป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของยาที่จะใช้ เมื่อยาหมดอายุ ตัวยาสำคัญที่ใช้รักษาอาการเจ็บป่วยจะเสื่อมคุณภาพ และมีประสิทธิภาพในการรักษาลดลง นอกจากนี้ อาจก่อให้เกิดพิษ หรือผล ข้างเคียงกับร่างกาย การระบุวันหมดอายุของบริษัทยา จะระบุวัน เดือน ปี ที่หมดอายุไว้บนแผงยา กล่อง ขวด และที่บรรจุยา โดยหลายบริษัทมักระบุเป็นปี ค.ศ. ซึ่งสามารถแปลง ค.ศ.เป็น พ.ศ.โดยนำเอาตัวเลข 543 เข้าไปบวกเพิ่มที่ปี ค.ศ.

ยาหยอดตาทุกประเภทหากเปิดใช้แล้วจะมีอายุได้เพียง 30 วันหลังจากเปิดใช้งานวันแรก  ยาหยอดตาบางประเภท เช่น chloramphenicol จำเป็นต้องเก็บ ในตู้เย็นตลอดเวลา  เพื่อความคงตัวที่ดีของยา และหากยาในรูปแบบต่างๆมีลักษณะทางกายภาพของยาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น สี บวม ชื้น ตกตะกอนให้ทิ้งยาพวกนั้น หรือนำไปปรึกษาเภสัชกร

ถ้าหากพบคนใกล้ชิด บุคคลในครอบครัวกินยาเกินขนาด วิธีที่ดีที่สุดให้กินยาคาร์บอน หรือผงถ่าน ที่ใช้กินตอนเกิดอาการท้องเสีย เพื่อทำให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายลดลง แล้วให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ให้แพทย์ดูแลต่อไป