หัวใจในการเร่งระบายน้ำทางตะวันออกของกทม. คือ อุโมงค์ยักษ์พระราม 9 แต่ปัญหาที่พบคือ ขยะมากถึงวันละ 10 ตัน เป็นอุปสรรคในการระบายน้ำ
อุโมงค์ยักษ์พระราม 9 ที่ปากทางรับน้ำจากคลองลาดพร้าวและคลองแสนแสบ ระบายสู่อุโมงค์ยักษ์พระโขนง วันนี้ปากประตูสูบน้ำ มีระดับน้ำที่สูงขึ้นกว่าเมื่อเดือนที่แล้ว โดยเห็นได้จากระดับน้ำที่สูงเกินครึ่งของประตู และขอบเขื่อนที่มีระยะห่างเพียง 1 เมตร
นายธีรชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการทำงานของอุโมงค์ยักษ์พระราม 9 ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครเดินเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง ตลอด24 ชั่วโมง และเปิดประตูสูบน้ำทั้ง 6 บาน เพื่อเร่งระบายน้ำเหนือ ที่ไหลสบทบคลองแสนแสบและคลองลาดพร้าว ไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาให้เร็วที่สุด และยังติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มอีก 57 ตัว ที่คลองในฝั่งตะวันออกด้วย
เจ้าหน้าที่ฝ่ายระบบอาคารบังคับน้ำอุโมงค์ยักษ์พระราม 9 กล่าวถึง ประสิทธิภาพการระบายน้ำของประตูทั้ง 6 บาน ที่ควบคุมด้วยเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และแม้ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นหลายสิบเซนติเมตร ปากประตูสูบน้ำก็ยังสามารถรับน้ำได้ โดยรับน้ำได้สูงถึง 1 เมตร 10 เซนติเมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งขณะนี้ มีระดับต่ำกว่า ระดับน้ำทะเลปานกลาง 35 เซนติเมตร
ขณะที่ขอนไม้ โซฟา และเศษวัชพืช เหล่านี้ เป็นปัญหาสำคัญในการเร่งระบายน้ำของอุโมงค์ยักษ์ เพราะขวางทางเครื่องสูบน้ำ จนเจ้าหน้าที่ต้องลงไปเก็บ และขยะบางชิ้นยังทำให้ประตูสูบน้ำชำรุด ซึ่งตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ดักช้อนขยะได้มากถึง 10 ตัน รวมถึงขอนไม้นับสิบท่อน ที่ประชาชนตัดทิ้งลงคลอง
กรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ที่อุโมงค์ยักษ์พระราม 9 ให้ความมั่นใจว่าอุโมงค์ยักษ์พระราม 9 จะทำงานเต็มที่ เพื่อลดปริมาณน้ำเหนือในพื้นที่กรุงเทพตะวันออก แต่ขอความร่วมมือประชาชนอย่าทิ้งขยะลงคลอง โดยเฉพาะคลองแสนแสบ คลองลาดพร้าว และคูคลองที่เชื่อมถึงกัน เพราะนั่นคือการเพิ่มโอกาสให้น้ำจากคลองสายหลักไหลเข้าท่วมบ้านเรือน
Produced by Voice TV