ระหว่างการแข่งขันกีฬาที่สหรัฐฯและแคนาดา มักมีกิจกรรมที่เรียกว่า "คิส แคม" ให้คนดูในสนามที่ปรากฏบนจอต้องจูบกันเป็นการคั่นเวลา แต่เมื่อมีคู่เกย์จูบกันบน "คิส แคม" เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำไมจึงกลายเป็นเรื่องฮือฮาไปทั่วสหรัฐฯ
ปกติแล้ว Kiss Cam เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้คนแปลกหน้าไปเดทกันต่อหลังดูการแข่งกีฬาจบแล้ว แต่หลายครั้งก็ทำให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจกับคนไม่น้อย เมื่อสองคนนั้นเป็นเพื่อนกัน เป็นพี่น้องกัน หรือคนใดคนหนึ่งมีแฟนอยู่แล้ว และถ้าคนที่เป็นแฟนกันอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมจูบกัน เพราะคนใดคนหนึ่งไม่ชอบการแสดงความรักกันแฟนต่อหน้าคนนับร้อยนับพัน ก็เสี่ยงว่าจะเลิกกันหลังเกมจบอีกด้วย นอกจากนี้ Kiss Cam ยังชอบจับคู่ผู้ชายสองคนเพื่อให้คนดูทั้งสนามดูอาการทำตัวไม่ถูกของทั้งคู่ เป็นการสร้างสีสัน และทำให้การจูบกันของคนเพศเดียวกันกลายเป็นเรื่องตลกไป
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างการแข่งขันเบสบอลที่สนามดอดเจอร์ ในลอสแองเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย กล้อง Kiss Cam ก็สร้างสีสันให้กับคนดูเช่นเดิม แต่คราวนี้กล้องไปจับที่ผู้ชายสองคน ทำให้ผู้ชายสองคนนี้ต้องจูบกันตามกฎของเกมนี้ ซึ่งทั้งสองก็ทำตามกฎ จูบกันโดยไม่จำเป็นต้องอายใคร ทำให้กลายเป็นเรื่องฮือฮากันไปทั่วสหรัฐฯ ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกขบขัน และไม่รู้สึกขยะแขยงเหมือนเคย แต่ด้วยความยินดีกับความรักของมนุษย์สองคน
แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคู่เกย์จูบกันบน Kiss Cam แล้วได้รับเสียงตอบรับที่ดี แต่การจูบกันครั้งแรกของคู่เกย์เมื่อปี 2011 เป็นงาน LGBT Night อยู่แล้ว ดังนั้น ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ Kiss Cam ระหว่างผู้ชายสองคนไม่ถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ ซึ่งนับว่าเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญมาก แม้จะเป็นช่วงเวลาแค่สั้นๆเท่านั้น เนื่องจาก Kiss Cam มักจะอยู่ระหว่างการแข่งขันเบสบอล บาสเก็ตบอล ฮ็อกกี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกีฬาที่ถูกมองว่าเป็นโลกของผู้ชายทั้งสิ้น และเป็นวงการที่ปิดกั้นเรื่องเรื่องความหลากหลายทางเพศมากทีเดียว