ไม่พบผลการค้นหา
เชียงใหม่ฝ่าฝืนกฎเคอร์ฟิวคืนเดียว 43 ราย ด้านผู้ว่าฯเชียงใหม่ ออกหนังสือคำสั่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่ 10-30 เมษายน 2563

พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสภ.ในจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในการตั้งจุดตรวจซึ่งได้มีการกระจายกำลังกันครอบคลุมพื้นที่มีด่านตรวจในพื้นที่รวมทั้งสิ้น 47 ด่านตรวจทั้ง 25 อำเภอในจังหวัดเชียงใหม่

พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคืนที่5 ที่มีการตั้งด่านสกัดกั้นเข้มงวดตามนโยบายของรัฐบาลในการประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทั้งจังหวัดเชียงใหม่ สามารถจับกุมได้ผู้ต้องหาทั้งหมด 43 คน โดยสาเหตุส่วนใหญ่คือออกมาขับรถเล่น กินเหล้า มั่วสุมเสพยา และบางรายก็ขับรถออกจากที่พักเพื่อจะไปพักบ้านหรือหอเพื่อน แก้เหงา

ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่อยากฝากเตือนประชาชนทุกคนในจังหวัดเชียงใหม่ ตอนนี้กฎหมายได้มีการประกาศบังคับใช้ห้ามประชาชนออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. หากจะออกมาต้องมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามที่กฎหมายรับรอง และหากใครฝ่าฝืนจับไม่เว้นและมีโทษทั้งจำคุกและปรับ ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับทั้งหมด 43 คน เมื่อคืนที่ผ่านมาจะถูกดำเนินคดีข้อหา "ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น โดยไม่ได้รับการยกเว้นหรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ "

เชียงใหม่ ประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 10-20 เม.ย.นี้

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลงนามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง “ปิดสถานที่หรือพื้นที้จำหน่ายสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด” โดยมีเนื้อหาระบุว่า มติที่ประชุมครั้งที่ 18/2563 มีคำสั่งให้สถานที่จำหน่ายสินค้าทั้งปลีกและส่ง ปิดพื้นที่หรือบริเวณ จำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.–20 เม.ย.นี้เพื่อเป็นการยกระดับมาตรการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดจากเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงโอกาสเสี่ยงในการติดต่อโรคและความจำเป็นของประชาชน

ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตราแห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 หรือต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนตการบริหารราขการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

943392.jpg



ข่าวที่เกี่ยวข้อง :