ต่างประเทศ
‘ทรัมป์’ หนีดีเบตพรรครีพับลิกัน อ้างคะแนนนิยมชิง ปธน.ของตัวเองนำโด่งแล้ว
“สาธารณชนรู้ว่าผมเป็นใคร และประสบความสำเร็จในฐานะประธานาธิบดีมากแค่ไหน” ทรัมป์ ในวัย 77 ปี กล่าวบนโพสต์ทางโซเชียลมีเดีย
ทั้งนี้ การดีเบตเบื้องต้นของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันครั้งแรก จะมีขึ้นในวันที่ 23 ส.ค. และการดีเบตในครั้งที่ 2 อาจจัดขึ้นตามมาในวันถัดไป โดยมีการคาดว่า ผู้หวังท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน จะมีการดีเบตร่วมกันอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในเดือนต่อๆ ไป
การลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งตัวแทนเพื่อท้าชิงประธานาธิบดีขั้นต้นของพรรครีพับลิกัน จะเริ่มต้นขึ้นในมลรัฐไอโอวาในวันที่ 15 ม.ค. 2567 อย่างไรก็ดี มีแนวโน้มที่จะมีการจัดดีเบตกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อการคัดออกและหาผู้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ทั้งนี้ จากการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่องว่า ทรัมป์ซึ่งต้องเผชิญข้อกล่าวหาทางอาญาหลายคดี ยังคงมีคะแนนนิยมนำผู้ท้าชิงคนอื่นๆ ในการเสนอชื่อผู้เข้าท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน
ในโพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 ส.ค.) ทรัมป์ระบุว่า "โพล CBS ใหม่ที่เพิ่งออกมา ทำให้ผมเป็นผู้นำในสนามนี้ด้วยตัวเลข ‘อันเป็นตำนาน’" นอกจากนี้ ทรัมป์ยังระบุเสริมอีกว่า คู่แข่งอีกหลายคนของเขา รวมถึง รอน เดอซานทิส ผู้ว่าการมลรัฐฟลอริดา ยังคงมีคะแนนนิยมตามหลังเขาอยู่อย่างมาก
"สาธารณชนรู้ว่าผมเป็นใคร และผมเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ประสบความสำเร็จ ด้วยอิสรภาพด้านพลังงาน พรมแดนที่แข็งแกร่งและการทหาร การลดภาษีและกฎระเบียบครั้งใหญ่ที่สุด ไม่มีเงินเฟ้อ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ และอื่นๆ อีกมากมาย” ทรัมป์ระบุ “ผมจะไม่ทำอย่างนั้นหรอก การดีเบตน่ะ!"
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทรัมป์ได้กล่าวหลายครั้งว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการดีเบตของพรรครีพับลิกัน โดยเขาอ้างถึงตัวเลขผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่า เขามีคะแนนนิยมนำผู้สมัครคนอื่นๆ จากพรรครีพับลิกันด้วยกันเอง ด้วย "ตัวเลขที่ดูเหมือนจะแซงหน้าไม่ได้" นอกจากนี้ ทรัมป์มักกล่าวในหลายครั้งว่า ผู้ดำเนินรายการและสถานที่เสนอจัดการดีเบต อาจทำตัวเป็น "ศัตรู" ต่อเขาระหว่างการดีเบต
ทั้งนี้ ผู้ท้าชิงและหวังว่าตัวเองจะเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันคนอื่นๆ ในการลงรับเลือกตั้งท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากตัวแทนของพรรคเดโมแครต ยังคงไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับคำประกาศไม่ร่วมดีเบตในครั้งนี้ของทรัมป์
ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 ระหว่างปี 2560-2564 ถูกตั้งข้อหาว่ามีความผิดทางอาญาถึง 4 คดี และจะมีการพิจารณาคดีอีกหลายครั้งในปี 2567 ในขณะที่ทรัมป์ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง ทั้งนี้ ทรัมป์ระบุว่าการตั้งข้อกล่าวหาต่างๆ ต่อเขาว่าเป็น "การล่าแม่มด" ทางการเมือง
ในทางทฤษฎีแล้ว ข้อกล่าวหาอาจนำไปสู่การที่ทรัมป์ต้องติดคุกเป็นเวลาหลายปี หากทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า ด้วยปัญหาเชิงระบบการนำตัวส่ง ความปลอดภัย และปัจจัยด้านการเมืองของการจำคุกต่ออดีตประธานาธิบดี ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้โทษจำคุกแบบเดิมนั้นไม่น่าทำได้ตามปกติต่อทรัมป์
ที่มา:
