คำสั่งศาลในคดีความตายคนเสื้อแดง และช่างภาพชาวญี่ปุ่น ประจำสำนักข่าวรอยเตอร์ วันนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ชี้ว่า กระสุนปืนมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ทหาร แต่ไม่สามารถทราบตัวผู้ลงมือกระทำ และยังเหลืออีกหลายคดี ที่รอการพิจารณา
คำสั่งในคดีความตาย ของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ และ 2 คนเสื้อแดง วันนี้ ระบุชัดเจนถึงผลการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ จากกองพิสูจน์หลักฐาน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบรอยกระสุนในบริเวณดังกล่าวกว่า 114 รอย ซึ่งระบุวิถีได้ถึง 108 รอย มาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ทหารทั้งหมด และไม่มีหลักฐานร่องรอยใด ที่บ่งชี้ว่ามีกระสุนมาจากฝั่งผู้ชุมนุม แม้แต่นัดเดียว
แต่ศาลให้น้ำหนัก ไปที่ลักษณะท่าทางของผู้ตายทั้ง 3 ก่อนที่จะถูกกระสุนยิงจนเสียชีวิต เป็นข้อบ่งชี้หลัก ในกรณีนี้ ศาลได้อ้างอิงถึงผลการชันสูตรพลิกศพจากสถาบันนิติเวช ที่ระบุทิศทาง กระสุนทะลุเข้าร่างกาย เมื่อนำมาประกอบกับพยานบุคคลในที่เกิดเหตุ ซึ่งไม่มีรายใด ที่ทำให้ศาลเชื่อได้ ว่า ท่าทางของผู้ตายทั้ง 3 ก่อนถูกยิงอยู่ในลักษณะใด จึงทำให้ศาลไม่อาจเชื่อได้ ว่ากระสุนปืนมาจากทิศทางใด
ปัจจุบัน คดีความตายที่เกิดจากการสลายการชุมนุมปี 2553 ทั้งกรณี 10 เมษายน และกรณีเดือนพฤษภาคม ศาลได้อ่านคำสั่งไปแล้ว 32 ศพ จาก 98 ศพโดยมี 17 ศพ ที่ศาลระบุว่า มาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหาร ในจำนวนนั้น มี 2 ศพ ที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุเดียวกัน คือกรณีของนายจรูญ ฉายแม้น และนายสยาม วัฒนนุกูล โดยคำสั่งที่อ่านเมื่อปี 2556 ระบุว่า การตายของทั้งสอง เกิดจากกระสุนปืนความเร็วสูง ที่ยิงมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ทหาร
ดังนั้น จึงเป็นเหตุที่นำมาสู่คำสั่งศาลดังกล่าว ท่ามกลางความข้องใจของญาติผู้เสียชีวิต และฝ่ายต่างๆที่ยังคงจับตามองกระบวนการค้นหาความจริงและความยุติธรรมในวันนี้
