'เนปาล' เกิดความสูญเสียอย่างหนักจากแผ่นดินไหว โดยเฉพาะที่ 'กาฐมาณฑุ​' เพราะประชากรที่มากขึ้น มีอาคารสูงเป็นจำนวนมากแต่การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานมีการทุจริตคอร์รัปชันทุกขั้นตอน ขณะเดียวกันทางการไม่ได้ให้ความสำคัญกับกรณีศึกษาเรื่องการเกิดแผ่นดินไหวที่มีการเตือนล่วงหน้าเมื่อ 27 ปีก่อน เพราะติดอยู่กับเรื่องปัญหาการเมืองภายในประเทศและความยากจน

ทำไมเนปาลจึงเกิดความสูญเสียอย่างหนักโดยเฉพาะที่กาฐมาณฑุ แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในเนปาล 5 ครั้ง ครั้งที่รุนแรงที่สุดคือ ปี 1934 ในระดับ 8.0 แมกนิจูด มีผู้เสียชีวิตกว่า 10,000 ราย

81 ปีผ่านไปเนปาลมีประชากรเพิ่มขึ้นมากเฉพาะที่กาฐมาณฑุ คาดว่าจะมีประชากรแฝงเกือบ 5 ล้านราย และอาคารสูงก็ผุดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานเพราะมีการทุจริตคอร์รัปชั่นแทบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การยื่นแบบขอก่อสร้าง การตรวจแบบก่อสร้าง

ดังนั้นจึงเห็นการพังทลายของบ้านเรือน อาคารสูงหลายแห่ง รวมถึงโบราณสถานอายุ 132 ปี อย่างหอคอย Dharahara ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพิ่งมีการประชุมระดับนานาชาติที่กาฐมาณฑุ มีการหารือมาตรการรองรับหากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เหมือนปี 1934

อาจารย์ด้านธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์บอกกับ AP ว่าด้วยลักษณะทางกายภาพและธรณีวิทยา เนปาลมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวได้ตลอดเวลา

โดยในรายงานการศึกษาเมื่อปี 1988 ( GeoHarzard Report) ระบุว่าหากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเหมือนปี 1934 (8.0 แมกนิจูด) ความเสียหายจะเกิดขึ้นอย่างหนักต่ออาคารเกือบทุกแห่งในกาฐมาณฑุ รวมถึงถนน และสะพานในรายงานฉบับนี้ยังระบุว่าท่าอากาศยานกาฐมาณฑุเป็นสถานที่แห่งเดียวที่พอใช้การได้ในการรองรับหน่วยกู้ภัยและสิ่งของบรรเทาทุกข์

ส่วนระบบสาธารณูปโภคในรายงานฉบับนี้คาดการณ์ว่า ระบบประปาจะเสียหายกว่า 95% ระบบไฟฟ้าแทบจะเสียหายราว 40% และระบบโทรศัพท์เสียหายราว 60%

นี่เป็นเนื้อหาของรายงานที่จัดทำขึ้นล่วงหน้ากว่า 27 ปี แต่เสียดายที่เนปาลซึ่งประสบปัญหาทางการเมืองมายาวนานโดยเฉพาะช่วงสงครามกลางเมืองเมื่อปีตั้งแต่ปี 2539 จนกระทั่งปี 2551 มีการยกเลิกการปกครองระบบสมบูรณายาสิทธิราชย์เปลี่ยนมาเป็น " สาธารณรัฐประชาธิปไตย" ทำให้ทางการไม่ได้ให้ความสำคัญการรายงานนี้ จนเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

CNN ยังอ้างรายงานผลการศึกษาหลายชิ้นว่า หากเกิดแผ่นดินไหวที่เนปาลรุนแรงถึง 8.1 โอกาสที่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 21,000-42,000 ราย

อย่างไรก็ตามเนปาลเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก ประชากรมีรายได้ต่อหัวปีละ 1,350 เหรียญ หรือราว 43,875 บาท/ปี ในรายงานขององค์การอนามัยโลกเมื่อปี 2011 ยังระบุว่า เนปาลมีประชากร 28 ล้านคน แต่มีโรงพยาบาลเพียง 50 แห่ง รองรับคนไข้ได้เพียง 10,000 เตียงเท่านั้นนี่คือชะตากรรมของชาวเนปาลที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และกำลังรอรับความช่วยเหลือจากนานาชาติ