'อ.เจษฎา' ระบุ สรรพคุณของ 'หินสี' ที่อ้างว่ามีพลังทำให้ความรักดีขึ้น การงานดีขึ้น สุขภาพดีขึ้นนั้น เคยมีนักวิจัยด้านจิตวิทยาศึกษา สรุปทางวิทยาศาสตร์ได้ว่า เป็นอุปาทานยาเทียม
อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว วันนี้ (23 ก.พ.) เรื่องหินสีที่กำลังเป็นที่นิยม โดยระบุว่า
"พลังหินสี เป็นแค่ความเชื่อเท่านั้น" มีสื่อหลายสำนักแล้วที่โทรมาขอความเห็นเรื่อง "หินสี" ที่กำลังเป็นที่นิยมซื้อหากัน ด้วยคำบรรยายประกอบว่าจะมีพลังทำให้ความรักดีขึ้น การงานดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น บางเส้นเห็นว่าราคาเป็นหมื่นเป็นแสนเลย
ผมเข้าไปอ่านสรรพคุณของหินสีที่ว่า ตามเพจต่างๆ แล้วก็คิดว่า มันก็ออกจะเป็นแค่แนวความเชื่อศรัทธาตามกระแสนะ ถ้าหินพวกนี้จะมีพลังอะไรออกมาได้ อย่างมากก็แค่ว่าจะมีรังสีออกมา ถ้าหินนั้นเป็นแร่ธาตุกัมมันตรังสี (อันตรายอีก) การที่จะได้ผลหรือไม่ได้ผล ก็ขึ้นกับความเชื่อ กับอุปาทานของแต่ละคนเอง ...
ตัวอย่างเช่น เคยถ้าทางวิทยาศาสตร์ก็มีคนศึกษาเหมือนกัน เกี่ยวกับเรื่อง หินคริสตัลบำบัดโรค ว่าได้ผลจริงหรือเปล่า http://www.livescience.com/40347-crystal-healing.html ในปี 2001 ทีมนักวิจัยด้านจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยลอนด้อน ที่อังกฤษ ได้ให้อาสาสมัคร 80 คนมานั่งสมาธิ 5 นาทีโดยครึ่งหนึ่งถือก้อนคริสตัลจริง อีกครึ่งหนึ่งถือก้อนปลอม (แต่หลอกว่าเป็นคริสตัลจริง) พบว่า ถึงจะมีการรายงานผลจากอาสาสมัครหลายคนว่ารู้สึกตัวอุ่นขึ้น รู้สึกสุขภาพกายสุขภาพใจดีขึ้น ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องขึ้นกับว่าถือหินก้อนคริสตัลจริง แถมคนที่ศรัทธาในหินอยู่แล้ว ก็ยังจะรายงานว่ารู้สึกได้พลังจากหินมากกว่าคนที่ไม่ศรัทธาถึง 2 เท่า แม้ว่าจะถือหินปลอมด้วยซ้ำ ...
เรื่องนี้จึงสรุปทางวิทยาศาสตร์ได้ว่า เป็นอุปาทานยาเทียม หรือ อุปาทานพลาเซโบ้ placebo effect ครับ