Our World ประจำวันที่ 31 มกราคม 2558
ออสเตรเลียคือหนึ่งในประเทศที่มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์นานาชนิด ทั้งงูพิษ แมงมุม จระเข้ จิงโจ้ ไปจนถึงฉลาม ซึ่งทั้งหมดเป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนาน แต่ปัญหาเก่าๆ ไม่ทันจะมีทางแก้ที่สมบูรณ์ ปัญหากับสัตว์ชนิดใหม่ของชาวออสเตรเลียก็เพิ่มเข้ามา นั่นคือสัตว์โลกแสนน่ารักอย่างกระต่ายนั่นเอง
ปัจจุบัน ประชากรกระต่ายป่าในกรุงแคนเบอร์รา เมืองหลวงของออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนฟูตัวเล็กเหล่านี้อพยพเข้าเมืองในช่วงฤดูร้อนของทุกๆ ปี กระต่ายป่ามีนิสัยชอบขุดคุ้ยหรือซุกอยู่ในพุ่มไม้ ซึ่งเมื่อเข้ามาอยู่ในเมือง ไม้ประดับต่างๆ ทั่วเมืองจึงได้รับผลกระทบพังเสียหายไปโดยปริยาย
ปัจจุบัน การควบคุมกระต่ายป่าคือปัญหาหลักอย่างหนึ่งของรัฐบาลท้องถิ่นกรุงแคนเบอร์รา งบประมาณด้านการกำจัดศัตรูพืชและสัตว์รบกวนกว่าครึ่งหนึ่งหมดไปกับความพยายามควบคุมกระต่ายทั้งสิ้น ขณะที่การคาดการณ์ปริมาณกระต่ายกลับเป็นไปได้ยาก เนื่องจากกระต่ายป่ามักแทรกซึมเข้าไปในเขตที่อยู่อาศัยของประชาชน ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เจ้าหน้าที่หรือนักวิจัยไม่มีสิทธิเข้าไปสำรวจได้ หากไม่ได้รับอนุญาต
ดร.เบรน คูก ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยกระต่ายในออสเตรเลียเดินทางมายังเมืองหลวงของประเทศ เพื่อศึกษาพวกมันไปพร้อมๆ กับการหาทางจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น โดยทั้งคนและกระต่ายได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เขาบอกว่าเมื่อก่อน พอพูดถึงการควบคุมปริมาณกระต่าย คนก็จะคิดว่าเป็นเรื่องของชาวนาชาวไร่เท่านั้น แต่ปัจจุบันนี่เป็นปัญหาของคนเมือง และคนเมืองต้องร่วมกันเรียนรู้ที่จะแก้ไข
โอลิเวอร์ ออร์กิลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ศัตรูพืชที่มีกระดูกสันหลังของรัฐบาลท้องถิ่นกรุงแคนเบอร์รา ระบุว่า กระต่ายป่าล้นเมืองเป็นปัญหาอันดับต้นๆ ที่สร้างความรำคาญให้กับผู้คนในสังคมอันสงบสุขของแคนเบอร์ราแห่งนี้เขาบอกว่ากระต่ายที่น่ารักสามารถสร้างความเสียหายได้มากมาย เช่น ทำลายสวนหน้าบ้าน และกินผักสวนครัวหลังบ้านของประชาชน ไปจนถึงการขุดสนามกีฬาจนเป็นหลุมเป็นบ่อ
การวางยาเบื่อกระต่ายแบบการกำจัดหนูนั้นไม่ใช่ทางออกสำหรับปัญหาดังกล่าว ประชาชนจำนวนมากต่างไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าเป็นวิธีโหดร้ายเกินไป และภาพที่กระต่ายนอนตายเป็นเบือทั่วเมืองก็คงไม่ใช่สิ่งที่น่ามองนัก แอนเดรียส แกลนซ์นิก จากศูนย์วิจัยการคุกคามของสัตว์ในกรุงแคนเบอร์ราเปิดเผยว่า มาตรการหลายอย่างที่ผ่านมาดูจะไม่ได้ผล โดยมาตรการล่าสุด คือการพยายามใช้เชื้อไวรัสควบคุมปริมาณกระต่าย
ไวรัสดังกล่าวเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากเกาหลีใต้ ซึ่งสร้างความหวังให้ประชาชนในพื้นที่ว่าอาจจะสามารถควบคุมการแพร่กระจายของกระต่ายป่าได้ แต่เจ้าหน้าที่รัฐก็ระบุว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าวิธีการดังกล่าวจะได้ผลหรือไม่ คงต้องรอดูต่อไปในระยะยาว อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายจะพอใจ คงไม่ใช่การกำจัดกระต่ายป่าให้หมดไป หากแต่เป็นการสร้างสมดุลระหว่างคนกับสัตว์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ในระยะยาว